"ต่าย"รับรัก"ทิม"มีปัญหา ยันพร้อมหาทางออกที่ดี

2018-12-01 10:05:25

"ต่าย"รับรัก"ทิม"มีปัญหา ยันพร้อมหาทางออกที่ดี

Advertisement

ออกมาตอบคำถามต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นจำนวนมากที่ต่างมารอนางเอกสาว"ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ" เปิดใจถึงปัญหาชีวิตคู่ที่กำลังอยู่ในช่วงระหองระแหงกับนักธุรกิจหนุ่ม"ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ล่าสุดเจอสาวต่ายในงานเปิดตัว"ศูนย์การค้าเกตเวย์ แอท บางซื่อ แอสเสท เวิรด์ รีเทล" เจ้าตัวได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า


ถามถึงกระแสข่าวว่าครอบครัวเรามีปัญหาตอนนี้?

ณ จุดนี้ก็เป็นแบบที่คุณทิมพูดค่ะ ว่ามีการปรึกษากันอยู่เกี่ยวกับปัญหาภายในว่าเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร



สาเหตุเรื่องนี้เกิดมานานหรือยัง?
ก็พักใหญ่แล้วค่ะ หลายเดือนแล้วเหมือนกัน ส่วนสาเหตุคือความไม่เข้าใจกันในหลายๆเรื่อง และทัศนคติต่างๆ รวมทั้งครอบครัวของทั้งสองคน หรือการเติบโตของทั้งสองคน ที่ถูกเลี้ยงมาคนละแบบ

ก่อนหน้าที่เราจะแต่งงานกันเราไม่ได้ศึกษาว่าแต่ละคนมีที่มาที่ไปยังไงเลยหรอ?


ปัญหาหลักๆคือเราสองคนโฟกัสที่ลูก เราสองคนโตมาคนละแบบ ทั้งคู่ก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก เลยเกิดความไม่เข้าใจกันว่าเราอยากเลี้ยงอย่างนี้ เขาอยากเลี้ยงอย่างนี้



ปัญหาหลักๆคือทัศนคติในการเลี้ยงลูกไม่ตรงกัน?
ใช่ค่ะ

ข่าวว่าเราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับเขาแล้ว?
ไม่ขนาดนั้นค่ะ เราก็มีกลับมานอนบ้านกับแม่ของเราบ้าง มาปรึกษาแม่บ้าง




ความสัมพันธ์ตอนนี้เรียกว่าอะไร?

ยังปรึกษากันอยู่ค่ะว่าตกลงจะอย่างไร เพราะเราสองคนก็อย่างที่บอกว่าโฟกัสที่ลูกเป็นหลักอยู่แล้ว



มีกระแสออกมาว่าเราติดเที่ยว ติดปาร์ตี้?
ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตคู่กับพี่ทิมมา ไม่มีคำว่าติดเที่ยวแน่นอน



คือเรายังทำหน้าที่แม่ได้ดีเหมือนเดิม?
ใช่ค่ะ เรายังมีจิตสำนึกของความเป็นแม่อยู่แล้ว รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรเหมาะสม ตลอด10ปีที่ผ่านมา เราแทบจะไม่ได้ไปไหนเลย ขณะที่เราจะไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกับแม่เรายังไปไม่ค่อยได้เลย ถ้ามันมีโอกาสพิเศษ อย่างเช่นวันเกิดหรืองานแต่งงานเราก็ต้องไปบ้างตามมารยาทอยู่แล้ว เรารู้ว่าเวลาไหนเหมาะ เวลาไหนควรหรือไม่ควร เราต้องทำหน้าที่ของเราให้เรียบร้อยก่อน

แล้วหาทางออกให้ครอบครัวอย่างไร?
ก็พยายามปรึกษากันค่ะ ว่าต่างคนจะต้องการไปในทิศทางไหน

เราคิดว่าปัญหานี้สามารถคุยกันได้ไหม เพราะมีข่าวออกมาว่าทั้งคู่เตรียมฟ้องหย่ากัน?
ไม่มีใครอยากให้ไปถึงจุดนั้นหรอกค่ะ ทุกวันนี้ก็คุยกันและโฟกัสที่ลูกเป็นหลักอยู่แล้ว



ข่าวลือบอกว่ามีการฟ้องหย่า 50 ล้านแสดงว่ามันยังไม่ถึงจุดนั้น?
บางทีเราก็เสียใจนะอยู่ดีๆ ก็มีคนพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าโดยเฉพาะมันมาจากคนในครอบครัว มันน่าผิดหวังมาก ถ้าอะไรที่ไม่ใช่ความจริง ซึ่งเราไม่เคยยึดติดกับเรื่องเงินอยู่แล้ว คือทุกวันนี้ที่เราต้องเริ่มทำธุรกิจ เงินลงทุนเราก็ทำกับที่บ้าน เราเปิดร้านมาประมาณ 2 ปี ช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของบ้าน คือเรายินดีทำอยู่แล้ว


มีข่าวลือเรื่องมือที่สามที่เป็นสาวหล่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย?
คนจะพูดอะไรก็ได้ แต่ความจริงก็คือความจริง คนใกล้ชิดก็จะรู้

เรื่องเราไม่ดูแลลูก และมีมือที่สามเป็นสาวหล่อไม่เป็นความจริงใช่ไหม?
ไม่ใช่เลยค่ะ เราต้องรู้อยู่แล้วว่าหน้าที่เราคืออะไร เรามีเพื่อนได้ ไม่ว่าจะผู้ชาย หรือทอม เมื่อก่อนที่เรายังไม่ได้เริ่มทำงานอาจจะไม่ได้สังคมเยอะไรอย่างนี้ แต่พอเราเริ่มทำธุรกิจ หรือมีเรียนปริญญาโท ก็ต้องมีเพื่อนเพิ่มขึ้น มีสังคมบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่คนได้เห็นคือเพื่อนสมัย ม.ต้น ม.ปลาย เป็นเพื่อนสนิท เราไม่ค่อยได้คุยกับคนใหม่ๆอยู่แล้ว เราคุยกับเพื่อนที่เราไว้ใจได้

ตั้งแต่เกิดปัญหาได้คุยกับทางสามีบ้างหรือยัง?
ก็คุยกันเรื่องลูก คุยเรื่องลูกเป็นหลัก

คิดว่าจะมีโอกาสกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมไหม?
มันเป็นเรื่องของอนาคต จริงๆแล้วที่เราพยายามกันอยู่ก็เพราะลูก บางทีก็เสียใจ (ร้องไห้)ว่าทำไมลูกต้องมาเจอแบบนี้ ไม่มีใครอยากจะให้ครอบครัวของลูกตัวเองไม่สมบูรณ์


เราไม่อยากให้ข่าวนี้กระทบกระเทือนใจลูก?
ก็ด้วย รวมถึงปัญหาของเราสองคน เรารู้สึกว่าเราเป็นต้นเหตุหรือเปล่าที่ทำให้ลูกต้องมาเป็นอย่างนี้ เราน่าจะคุยกันได้เพื่ออนาคตที่ดีของพิพิม

คนมองว่าตอนนี้เราสองคนเหมือนเอาลูกมาเป็นตัวประกัน และกำลังแย่งลูกกันอยู่?
เราไม่เคยคิดจะแย่งหรืออะไรเลย เราอยากให้ลูกได้อยู่กับทั้งพ่อและแม่เท่าๆกัน อย่างที่บอกพอเราโฟกัสที่ลูก เราก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเขา

สำหรับตัวเราตอนนี้ไม่มีคำว่าหย่าในหัวเลยใช่ไหม?
อย่างที่บอกเป็นเรื่องของอนาคต ทุกวันนี้เราก็ได้พยายามอย่างเต็มที่

เราเตรียมพร้อมกับสิ่งที่มันอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไรบ้าง?
ก็พยายามให้เวลาและให้ความรักกับเขาอย่างเต็มที่ที่สุดค่ะ คือหมายถึงว่าเขาอาจจะยังเล็กไปที่จะอธิบาย โอเคเขาอาจจะรับรู้ความรู้สึกได้ แต่ด้วยความรักที่เรามีให้เขา เขาก็ต้องรู้ว่าเราเป็นแม่คนหนึ่งที่ให้ความรักกับลูกคนหนึ่งได้เต็มที่ในแบบที่แม่คนหนึ่งจะให้ได้


ให้กำลังใจตัวเองอย่างไรบ้าง ?

ก็รู้สึกว่าทุกอย่างที่ผ่านมา อะไรที่เกิดขึ้นมันดีหมด ถึงสิ่งไหนไม่ดีจะเกิดกับเรา เราก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้น คอยเตือนเราในอนาคตว่าจะดำเนินชีวิตไปในแบบไหน

ข่าวที่่ว่าในระหว่างที่เรามีปัญหากันอยู่ มีประเด็นของเรื่องการทำร้ายร่างกายด้วยจริงไหม?
อันนี้ขออนุญาตไม่ตอบแล้วกันนะคะ

ทุกวันนี้เราคิดว่า คุณทิม ทำหน้าที่สามีที่ดีไหม?

เขาก็ทำหน้าที่ของเขาแหละค่ะ ทุกวันนี้เราก็ยังรัก และหวังดีกับเขาอยู่แล้ว

ตอนนี้คนมองเราเป็นคุณแม่ติดปาร์ตี้ ทิ้งลูกที่ป่วยไปเที่ยว เรามีอะไรอยากจะบอกคนที่คิดแบบนั้นไหม?

ก็เข้าใจค่ะ พอเราอยู่ ณ จุดๆนี้ พอมีข่าวออกมา บางทีคนที่ไม่รู้ความจริง หรือไม่ได้ใกล้ชิดจริงๆ ก็จะรับฟังแล้วไปวิเคราะห์ หรือจะเชื่อไปเลย คือเราไม่มีสิทธิ์ไปห้ามความคิดเขา แต่ว่าเรารู้ตัวเราว่าทำอะไรอยู่ ความจริงคืออะไร และคนใกล้ชิดทุกคนเรารู้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คุณพ่อ คุณแม่

เราไม่ได้โกรธหรือซีเรียสกับที่เขากล่าวหาหรือมองเราแบบนั้น?
ก็แค่รู้สึกเสียใจ ผิดหวัง แต่เราก็ไปห้ามการกระทำหรือความคิดของคนอื่นไม่ได้ เราแก้ที่ตัวเราดีกว่าค่ะ

แนวโน้มที่คุยกับสามีเป็นไงบ้าง?
ทั้งคู่ก็โฟกัสกับเรื่องลูกเป็นหลัก

แล้วสถานะสามีภรรยาตอนนี้ล่ะ?
ก็ยังถูกต้องตามกฏหมายอยู่ค่ะ


มีใครเป็นกาวใจให้ครอบครัวเราไหม?
หลายๆคนก็พยายามค่ะ แต่สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่คนสองคน

ยังใช้เวลาเลี้ยงลูกอยู่ด้วยกันไหมหรือต่างคนต่างเลี้ยงลูก?
ก็..ถ้ามีเวลาก็คงจะมีเลี้ยงด้วยกัน

ทุกวันนี้แยกกันเลี้ยงลูก?
ทุกวันนี้เราก็มีภาระหน้าที่ของเรา

ยืนยันว่ายังเป็นครอบครัวกันอยู่ ?
ค่ะ อนาคตจะเป็นยังไงเดี๋ยวค่อยมาว่าอีกที

ตั้งแต่คบกัน แต่งงาน มีลูก ต่ายคิดว่าเราทำหน้าที่ภรรยาและแม่ที่ดีสมบูรณ์แบบแล้วไหม?
เราก็พยายามอย่างสุดความสามารถของเราแล้ว คือ เราไม่ได้อยากมาแก้ตัวกับสังคม แต่ไม่ว่าจะเพื่อน หรือ ครอบครัวเราเขาก็เห็นมาตลอดว่าเราดำเนินชีวิตยังไง



ต่ายมองว่าการแต่งงานตอนอายุยังน้อย คนอาจจะมองไปว่ามีส่วนทำให้กลายเป็นปัญหาครอบครัวด้วยไหม?
ก็อย่างที่บอก เราไม่มีคำว่าเสียใจหรืออะไร แต่ทุกอย่างคือประสบการณ์ว่านี่มันเกิดขึ้นแล้วนะ เราได้ข้อคิดอะไรจากมันบ้าง เราได้นำข้อคิดนี้ไปให้คำปรึกษากับเพื่อน หรือ เมื่อลูกเราโตขึ้นมันก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้นที่เราจะมีเรื่องที่เราสามารถไว้บอกคนอื่นต่อได้เป็นข้อคิดดีๆได้

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็ยังอยากจะแต่งงานอยู่?
ใช่ค่ะ