หลังจากที่นักร้องหนุ่มหน้าตี๋ที่มีฉายาว่า "โดม มังกรดำ" ถ่ายภาพในโถถ่ายทุกข์แต่ดันติดเส้นขนหยิกหยอยปล่อยออกมาตามโซเชียลจนเกิดเป็นดราม่าหาจุดประสงค์กันยกใหญ่ วันนี้จึงขออาสาพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับ “หมอย” ให้มากขึ้น เหตุใดต้องเรียกหมอย ? ขนนี้โกนออกได้ไหม ? และทำไมต้องมีหมอย ?
กลายเป็นประเด็นใหญ่ไปอีกจากเรื่อง "หมอยๆ" ในอินสตาแกรมของซุปตาร์ดาราชายไทย "โดม ปกรณ์ ลัม" เพราะในความเป็นจริงเราแทบไม่รู้จักมันอย่างแท้จริง ประโยชน์ของมันคืออะไร เหตุใดถึงได้ยาวอยู่แค่เฉพาะตรงนั้น ตัดเล็มโกนออกไปจะได้ไหม ทำไมต้องมีให้รุงรังหัวใจ ดูๆ แล้วมันเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่เลยใช่ไหมล่ะ...
ปริศนาฟ้าแลบบบบบบบ ... รู้ใช่มั้ย ว่า ‘หมอย’ มีจริง !! ตกลงมันอะไรกันแน่ ?
ยังไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งชี้ชัดในประเทศไทยถึงที่มาของคำว่า "หมอย" อย่างแท้จริง เพราะนอกจากเรื่องเส้นผม ขนรักแร้แล้ว ขนนุ่มๆ แข็งๆ บนโหนกของเราๆ ท่านๆ ฝ่ายนักวิทยาศาสตร์ก็ได้เข้ามาศึกษาค้นคว้าไว้เช่นกัน โดยนักสังคมวิทยาส่วนหนึ่งชี้ว่า "หมอย" คือคำที่ใช้อธิบายถึงสิ่งที่มีลักษณะเป็นเส้นเป็นฝอย เช่น บริเวณขนที่ปลายข้าวโพดก็จะถูกเรียกว่า "หมอยข้าวโพด"
หรือแม้แต่ในภาษาท้องถิ่นทางภาคเหนือ (ล้านนา) ก็มีการใช้คำว่า "หมอย" เรียกสิ่งที่เป็นขนหนวดขึ้นตามร่างกาย เช่นเคราก็จะเรียกว่า "หมอยคาง" ขนรักแร้ก็เรียกว่า "หมอยแร้" เป็นต้น
ไม่รู้ว่าเด็กๆ สมัยนี้ยังใช้คำว่า "เห่อหมอย" อยู่บ้างมั้ย เพราะสมัยที่ผู้เขียนร่ำเรียนอยู่นั้น เด็กผู้ชายเกรียนๆ ที่ไม่ค่อยรู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูดมักมีศัพท์ทะลึ่งๆ แบบนี้เอาไว้คุยเล่นกันให้เป็นที่ครื้นเครง อย่างใครที่เห็นเพื่อนเข้าห้องน้ำนานหน่อยก็จะถูกแซวว่า "เข้าไปเล่น...หรอ ?" หรือ "... เพิ่งขึ้นล่ะสิถึงได้เห่อ..." อีกทั้งยังเคยได้ยินมาว่าผู้ใหญ่จะใช้คำนี้กับเด็กผู้ชายที่ชอบทำกิริยาทะเล้นอยากรู้อยากเห็นเรื่องใต้สะดือ ว่าอยู่ในวัยเห่อหมอย อันนี้จากประสบการณ์จริงๆ ถ้าใครมีศัพท์อะไรที่นอกเหนือจากนี้กรุณาบอกที เพราะผู้เขียนเรียนมาน้อยอาจตกหล่นศัพท์แสงที่สมัยนั้นเขาใช้กัน ... ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าแฟชั่นโลกทุกวันนี้มีอิทธิพลต่อมนุษยชนจริงๆ จนพัฒนาไปจนถึงขั้นมีการตัดแต่ง ย้อมสีขนหรือจัดรูปทรงให้เส้นขนกันเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อจัดระเบียบเสียบความว้าวให้กับเส้นลับๆ นั้น
เห็นดำๆ รุงรัง พลิ้วบ้าง สากมือบ้าง มันก็ยังมีประโยชน์ ...
หลายคนอาจเห็นในหนังอย่างว่าของฝรั่งที่นักแสดงหลายท่านนั้น มีอวัยวะที่เรียบเนียนไร้เส้นขนดูสะอาดสะอ้าน จึงโกนเส้นขนออกจนหมดเกลี้ยงเพราะอยากมีอย่างเขาบ้าง ท่าทางจะดูแลไม่ยาก และไม่เป็นการสะสมสิ่งสกปรกในส่วนนั้น แต่มีข้อดีบางอย่างที่อยากให้รู้ถึงความดีงามของมัน และอาจทำให้คุณเปลี่ยนความคิดที่จะตัดโค่นถอนเจ้าขนนี้ออกจากชีวิตไป
รู้หรือไม่เส้นขนเงาวับนี้มันช่วยลดการเสียดสีขณะมีกิจกรรมริมระเบียง เอ้ย บนเตียงได้นะ มันช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมอย่าง แบคทีเรีย แมลงตัวเล็กๆ ที่จะเข้าไปกัดหรือทำบางอย่างให้อวัยวะระคายเคือง และอีกข้อคือ มันป้องการอับชื้นที่เป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นไม่พึงประสงค์ อันนี้จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว ไปลองคิดดูกันเองนะจ๊ะ
การเล็มๆ ตัดๆ ให้เกิดความเบาสบาย สร้างสไตล์ให้อวัยวะ
เพราะการตัดแต่งรูปทรงของเส้นสลวยๆ นี้จะช่วยทำให้สาวๆ รู้สึกมั่นใจเวลาสวมใส่ชุดชั้นในแบบเผยเนื้อหนังเยอะหน่อย อย่างบิกินี หรือหนุ่มๆ ก็อาจจะให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
ข้อควรระวัง สำหรับหนุ่มสาวที่แอบแว็กซ์-โกนขนออกจนหมด
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือน ว่า หลังจากที่เราโกน-แว็กซ์ขนสลวยจนเกลี้ยงเกลาไปแล้วนั้น จะเกิดการระคายเคืองโดยง่ายรูขุมขนและรอยแผลในบริเวณนั้นอาจมีขนาดเล็กเกินกว่าที่ตาเราจะมองเห็นได้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เชื้อโรคและแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่ายมากขึ้น 
สรุปแล้วเราควรต้องทำยังไง กับเส้นสลวยนี้ดี ?
จากประเด็น "เส้นขนปริศนาของโดม" นั้น หลายคนอาจเกิดความสับสนปนสงสัย ว่า “เราควรจะทำอย่างไรกับเจ้าเส้นหมี่สีสลวยนี้ดี ?” ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขศาสตร์ก็ได้สรุปเอาไว้ว่า การดูแลเส้นขนลับนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไร อาจมีการตัดเล็มจัดทรงให้เข้าที่บ้างเพื่อความเรียบร้อย และไม่แนะนำให้โกนจนหมดหรือตัดจนสั้นเกรียนมากเกินไป
อย่าลืมว่านอกจากต้องดูแลเรื่องความสวยงามของเส้นขนแล้ว การดูแลเรื่องความสะอาดก็สำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเราเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น วัยทำงานกันแล้ว เราก็ต้องเป็นคนที่ป้องกันอวัยวะสำคัญไม่ให้มีกลิ่น หรือความอับชื้น หมั่นทำความสะอาดสม่ำเสมอๆ ใช้สบู่อ่อนๆ จะช่วยให้อวัยวะไม่ได้รับความระคายเคืองมากเกินไป ได้รู้เคล็ดลับและวิธีกันแล้ว ก็อย่าลืมรักษาความสะอาดอยู่เป็นนิจกันด้วยนะ
สรุปสั้นๆ คือ… เจ้าเส้นหมี่สีดำๆ นี้ก็ยังพอมีประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ อยู่บ้าง ถึงแม้บางทีมันอาจจะทำตัวรกรุงรังไปบ้างก็ตามที 
