รวมพลังลดเสี่ยง! น้ำตาลในเลือดต่ำ วันเบาหวานโลก 14 พ.ย.

2018-11-14 10:45:16

รวมพลังลดเสี่ยง! น้ำตาลในเลือดต่ำ วันเบาหวานโลก 14 พ.ย.

Advertisement

สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ ชวนร่วมมือกันลดความเสี่ยงภาวะน้ำตาลต่ำในเลือด เนื่องในวันเบาหวานโลก 14 พ.ย.

ศ.คลินิก นพ.ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ ประธานวิชาการสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า สถิติจากสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติพบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานยังเพิ่มขึ้นทุกปีทั่วโลก สิ่งที่พบได้บ่อยคู่กับการรักษาคือ ภาวะน้ำตาลต่ำในกระแสเลือด ประเทศไทยมีรายงานจาก RECAP study พบว่า ประมาณ 39.9% ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จะพบภาวะน้ำตาลต่ำในเลือด ซึ่งพบได้ทั้งในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ได้รับประทานยา และฉีดยาอินซูลิน อาการที่พบเด่นชัดคือจะมีอาการมือสั่น อ่อนเพลีย หงุดหงิด เหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น หัวใจเต้นแรงและเร็ว หรือปวดศีรษะ มึนงง หน้ามืด ตาลาย หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นหมดสติ หรือ ถ้าเกิดในขณะนอนหลับ จะรู้สึกปวดศีรษะ เหงื่อออกมาก ฝันร้าย ตื่นขึ้นมาเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ รู้สึกกระสับกระส่ายนอนต่อไม่ได้ หัวใจเต้นแรง ซึ่งอาจทำให้หมดสติ และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ในผู้ป่วยบางรายเลือกวิธีลดขนาดยา ลดน้ำตาล เพื่อเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดภาวะนี้ จึงทำให้ผลการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ในระยะยาว นอกจากนี้ ประเด็นในเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดถือว่ามีมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากผู้ป่วยเกิดภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดชนิดรุนแรง (ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้) อาจจะมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งสูงถึง 10,574-28,494 บาท ซึ่งเมื่อประเมินเป็นงบประมาณต่อปี ประเทศไทยสูญเสียค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดชนิดรุนแรงสูงถึง 2,491-6,714 ล้านบาทต่อปี




ทั้งนี้ จากการที่กล่าวมา ภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดส่งผลกระทบถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานถึง 4 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ผู้ป่วยมีคุณภาพการนอนที่ลดลง,ผลกระทบในการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง, ผลกระทบต่อการเรียนและการทำงาน, และยังส่งผลถึงสุขภาพโดยรวมของตัวผู้ป่วยเอง ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน

นอกเหนือจากแพทย์ที่ซักถามอาการภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดกับผู้ป่วยแล้ว ตัวผู้ป่วยเอง ครอบครัว คนรอบข้าง ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยกันในการลดความเสี่ยงการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำนี้ให้น้อยที่สุดเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดจากการรักษา



การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานโดยทั่วไป ทำได้โดย 1. ปฏิบัติตามแผนการรักษาตามที่แพทย์ได้แนะนำไว้อย่างระมัดระวัง ทั้งการรับประทานยา การรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย 2. ตรวจสอบปริมาณยารักษาเบาหวานและอินซูลินอย่างรอบคอบ 3.หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างระมัดระวัง 4. หมั่นตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอตามที่แพทย์แนะนำ 5. พกสายรัดข้อหรือบัตรประจำตัวที่บ่งบอกว่าเป็นโรคเบาหวาน

อย่างไรก็ตาม บางรายแพทย์อาจแนะนำให้ติดเครื่องวัดระดับน้ำตาลในร่างกาย (Continuous Glucose Monitor: CGM) โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำโดยที่ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ซึ่งเครื่องวัดนี้จะถูกติดตั้งไว้ใต้ผิวหนัง และเครื่องจะส่งสัญญาณเตือนหากระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำกว่าปกติ ที่สำคัญควรพกคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวไว้กับตัว เช่น น้ำผลไม้ หรือกลูโคสแบบเม็ด ซึ่งจะช่วยรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่อาการจะแย่ลง