“อัจฉริยะ”บุกจี้ รพ.ไม่รักษาสาวถูกสาดน้ำกรด

2018-11-11 22:25:37

“อัจฉริยะ”บุกจี้ รพ.ไม่รักษาสาวถูกสาดน้ำกรด

Advertisement

“อัจฉริยะ” พาลูกสาว พร้อมญาติของหญิงถูกสาดน้ำกรดบุก รพ.เอกชนหลังปฏิเสธรักษาจนตาย ตั้งโต๊ะเจรจาเดือด ผู้บริหาร รพ.ยืนยันไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมพร้อม ด.ญ.เตชินี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 12 ปี ลูกสาวและครอบครัว ได้นำศพนางช่อลัดดา หญิงที่ถูกสามีสาดน้ำกรด มาเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องในรพ.พระราม 2 ที่ปฎิเสธการรักษา ออกมาแสดงความรับผิดชอบ



ด.ญ.เตชินี ลูกสาว กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณตี 5 ขณะที่ตนหลับอยู่ ได้ยินเสียงร้องจึงตื่น ซึ่งแม่บอกให้พาไปโรงพยาบาล เมื่อเรียกแท็กซี่แม่บอกจะไป รพ.บางมด แต่แท็กซี่เห็นว่า รพ.เอกชนอีกแห่งใกล้กว่าจึงแนะนำให้ไป พอถึงพยาบาลถามว่าเป็นอะไร แต่แม่เจ็บมาเลยพูดแต่ว่าปวดแสบปวดร้อน ทางโรงพยาบาลจึงพาแม่ไปตรวจดูอาการช่วยล้างน้ำพันผ้า ก่อนจะสอบถามตนว่ามีสิทธิรักษาอะไรหรือไม่ ตนทราบว่าแม่มีบัตรทองที่ รพ.บางมด จึงบอกไป ก่อนพยาบาลจะแนะนำว่าอยากจะรักษาที่นี่หรือไปใช้สิทธิ หลังจากนั้นพยาบาลก็ให้เงินมา 40 บาทก่อนจะช่วยพาแม่ตนไปขึ้นแท็กซี่ ซึ่งขณะนั้นแม่ได้ทรุดลงไปและบอกว่าเจ็บแสบไม่ไหวแล้ว ซึ่งระหว่างทางไปรพ.บางมด ตนพยายามเรียกแม่หลายครั้งแต่แม่ไม่ตอบ จนแขนตกเหมือนหมดสติไป เมื่อไปถึง รพ.บางมด หมอได้ออกมาบอกว่าจะช่วยรักษาปั้มหัวใจให้ และสุดท้ายเดินออกมาบอกว่าแม่เสียแล้ว



ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวว่าวันนี้ที่เดินทางมาเพื่อต้องการให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงกับกรณีที่เกิดขึ้น เพราะตามกฎหมายน.ส.ช่อลัดดา ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทางโรงพยาบาลต้องแสดงความรับผิดชอบไม่ใช่ขับส่งผู้ป่วยไปรักษาที่อื่นจนทำให้เขาต้องเสียชีวีต สำหรับทางคดีถือเป็นความผิดได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา และจะมีการฟ้องร้องสั่งให้ปิดโรงพยาบาลแห่งนี้ชั่วคราว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรก แต่เกิดเหตุสลดหลายครั้ง





ด้าน ศัลยแพทย์ของ รพ.ชี้แจงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางแพทย์ได้มีการประเมินอาการของไข้ตลอด และได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ขณะนั้นคนไข้มีสติสัมปัญชัญญะ พูดคุยได้ตามปกติ และมีความประสงค์เองที่จะไปรักษาตัวต่อที่รพ.บางมด ทางรพ.ประเมินแล้ว คนไข้ยังไม่ได้อยู่ในอาการที่วิกฤต จึงสามารถไปรักษาตัวต่อได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการแพทย์อยู่แล้ว ทางรพ.ไม่ได้มีการบ่ายเบี่ยง ปัดความรับผิดชอบแต่อย่างใด 

ขณะที่ ผอ.รพ.เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางรพ.ได้มีการรักษาดูแลผู้ป่วยแล้ว และผู้ป่วยได้ไปเสียชีวิตลงที่รพ.บางมด ซึ่งทางแพทย์ได้มีการบันทึกไว้ชัดเจน ทาง รพ.ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบในการรักษา ส่วนเรื่องเงินจำนวน40 บาท ที่ทางพยาบาลมอบให้ผู้เสียชีวิต ให้ไปเพราะความสงสารส่วนตัว เนื่องจากผู้ป่วยไม่มีเงิน และเห็นว่า รพ.บางมดที่จะไปรักษาต่ออยู่ไม่ไกล ไม่ได้มีเจตนาจะผลักไสไล่สง แต่มีเจตนาความห่วงใยเท่านั้น ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดขณะนี้ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้ว จึงไม่สามารถนำมาเปิดในที่สาธารณะได้

ทั้งนี้ระหว่างที่ทางโรงพยาบาลชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มีเหตุการณ์การโต้เถียงอย่างรุนแรง บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจาก ทางฝ่ายนายอัจฉริยะ และญาติผู้เสียชีวิต ไม่พอใจกับคำชี้แจงของโรงพยาบาลซึ่งไม่ตรงกับคำพูดของด.ญ.เตชินี ลูกสาวผู้เสียชีวิต ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟัง จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามายุติการพูดคุย ระหว่างทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 พ.ย.จะนำศพของผู้เสียชีวิตไปร้องเรียนต่อกระทรวงสาธารณสุข และพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. เพื่อจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด และนอกจากนี้ต้องขอบคุณเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม ที่สามารถตามจับนายคำตัน สามีที่ก่อเหตุดำเนินคดีได้แล้ว