ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ เมื่อวันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 ที่นั่ง, วุฒิสมาชิก 1 ใน 3 หรือ 35 ที่นั่ง และผู้ว่าการัฐอีก 36 รัฐ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกัน ต้องการรักษาเสียงข้างมากทั้ง 2 สภาไว้ให้ได้ ขณะที่ พรรคเดโมแครตก็ต้องการชัยชนะครองเสียงข้างมาก เพื่อคานอำนาจรัฐบาลเช่นกัน
การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ยังถูกมองกันอย่างกว้างขวางว่า เป็นการหยั่งเสียงประชามติความนิยมในตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยว่า จะยังรักษาเสียงสนับสนุนจากประชาชนเอาไว้ได้หรือไม่ หลังผ่านการบริหารประเทศมา 2 ปี โดยการหาเสียงก็มีการโจมตีกันอย่างดุเดือดทั้งเรื่องเชื้อชาติ, ผู้อพยพและประเด็นอื่น ๆ ทางวัฒนธรรม
นักวิเคราะห์การเมืองและผลสำรวจความคิดเห็น ต่างมองว่า พรรคเดโมแครต จะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มอย่างน้อย 23 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเสียงที่ต้องการเพื่อครองเสียงข้างมาก และสามารถถ่วงดุลอำนาจของทรัมป์ และสามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ ส่วนพรรครีพับลิกัน ก็ยังคงรักษาเสียงข้างมากเล็กน้อยในวุฒิสภาเหมือนเดิม ปัจจุบันมีเสียงมากกว่าพรรคเดโมแครตอยู่ 2 ที่นั่ง ซึ่งวุฒิสภาสำหรับพรรคเดโมแครต น่าจะเลือนลาง
ซึ่งผลการเลือกตั้งปรากฏว่า เป็นไปตามคาด พรรคเดโมแครต ได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการจากสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น พรรคเดโมแครตได้ที่นั่งส.ส.ไป 223 ที่นั่ง ครองเสียงข้างมากในสภาล่างเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่พรรครีพับลิกัน ได้ 199 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกัน ก็ยังรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาเอาไว้ได้ โดยได้ไป 51 ที่นั่ง ส่วนพรรคเดโมแครต ได้ 46 ที่นั่ง
สำหรับผู้ว่าการรัฐหลังเลือกตั้งครั้งนี้รวมทั้งหมด เดโมแครต ได้ 23 รัฐ และรีพับลิกัน ได้ 26 รัฐ
ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ชื่นชม “วันที่ยิ่งใหญ่” สำหรับพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอม แม้ว่าจะสูญเสียที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
