"โอ๊ต ปราโมทย์" ประกาศอยากปั้นดาวดวงใหม่ ใครพร้อมเชิญ !!

- อาชีพนักร้องเนี่ย ทำอย่างเดียวมันไม่พอหรอ ?
ไม่ใช่เฉพาะนักร้องหรอก ในวงการบันเทิงคือจ็อบเดียวมันไม่พอ เราเคยอยู่ในจุดที่ไม่มีงาน คือพอเราทำอะไรได้หลายๆ อย่าง เราก็สามารถเอาทุกอย่างที่เรามีเนี่ย มารวมๆ กันให้มันสนุกขึ้นได้ ให้มันเป็นผลงานได้ คนเรามันควรจะเป็นเป็ดอะ ทำได้หลายๆ อย่าง อาจจะไม่ต้องดีทุกอย่างแต่มันสามารถไปได้ทุกๆ ที่ มันจะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้น ตอนนี้ผมก็จับทุกอย่างมารวมๆ กันขยำกันมั่วซั่วไปหมดแล้ว

- คอนเทนต์แบบนี้คิดว่ามันจะเหมือนคนอื่นๆ มั้ย เราหาความแตกต่างยังไง ?
สุดท้ายแล้วผู้ชมสมัยนี้จะไม่ได้เสพที่คอนเทนต์นั้นๆ แต่จะเสพที่ตัวบุคคลเสียมากกว่า ปัจเจกแต่ละคน ไม่ต้องเมืองไทยหรอก ต่างประเทศเค้าก็เป็นมีคนทำซ้ำๆ มั่วซั่วกันไปหมด สุดท้ายคือเค้าก็เลือกดูคนที่เค้าอยากดูเท่านั้นเอง เพราะหลายๆ คนไม่ได้เก่งหรือโดดเด่นอะไรเลย แต่มันทำให้เราอยากดูเค้าอีก เพราะมันมีเสน่ห์ในตัวเอง ด้วยผมเป็นคนไฮเปอร์นะ ผมก็จะไม่อยู่นิ่ง ดูนั่นดูนี่ ดูความคิดเค้า มีเหตุอะไร ทำไมถึงคิดคอนเทนต์แบบนี้ เราศึกษาไปเรื่อยๆ ถ้าคิดอะไรไม่ออก ให้วางตัวเองลงก่อนแล้วค่อยดึงคอนเทนต์เหล่านั้นมาแปะที่ตัวเรา อะไรเหมาะอะไรปัง เราจะเอามาปรับใช้เป็นของเรา



- มีใครเป็นแรงบันดาลใจ ?
ชอบน้าเน็กครับ ผมบอกอยู่เสมอว่าผมมีน้าเน็กเป็นไอดอลตั้งแต่เด็กเลย พี่ป๋อมแป๋ม คือผมชอบทำงานกับคนเก่งๆ จะไม่ค่อยกลัว คือเราต้องทำตัวเหมือนฟองน้ำเสมอ พยายามจดจำ ดูดสิ่งดีๆ ที่เค้าถ่ายทอด คือเค้าอาจจะไม่ได้สอนเราโดยตรง แต่การทำงานด้วยกันมันทำให้เราเห็นเอง นั่นแหละมันทำให้เราเก็บกลับมาและเราก็จะเก่งขึ้น เหมือนเรามีทีมฟุตบอล เราจะต้องเอาทีมเราไปแข่งกับทีมอื่นๆ เพื่อจะได้รู้จักจุดด้อยจุดเด่นของเรา

- อนาคตจะมีงานที่ทำร่วมกับใครอีกหรือเปล่า ?
มีแน่นอนครับ คือเราอยู่ด้วยกัน (น้ำเสียงจริงจัง) ผมชอบเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ แล้วเราจะภูมิใจ ตอนนี้เราเห็นดีเจอาร์ต (มารุต ชื่นชมบูรณ์) จากที่ไม่เคยมีใครมองเห็น แต่วันนี้ต้องโทร.ไปขอคิว เพราะงานแน่นมาก เราเป็นคนไม่หวงของครับ อย่างเค้กก้อนนึงเนี่ย เรากินคนเดียวไม่หมดหรอก แบ่งให้คนอื่นกิน แม่งอร่อยว่ะ เราอาจกินน้อยหน่อยแต่มันอร่อยมันมีความสุขว่ะ ที่เราได้มองคนอื่นๆ มีความสุขกับสิ่งที่ประสบความสำเร็จ



มีแพลนแต่งงานมั้ย ?
มั่วละไง ไม่มีแพลนครับ ทำงานหนักมาก ตาร้อนยิ่งกว่าไฟอีกครับ เราอยากทำงานก่อน เรารอโอกาสนี้มานานมาแล้ว อีกอย่างคนสมัยนี้แต่งงานอายุ 36 - 37 ไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งคนในวงการด้วย ผมเพิ่งจะรู้สึกว่าเรามีงานเยอะๆ แบบนี้เนี่ย ปีสองปีนี้เองนะ ผมก็บอกแฟนว่า ขอทำงานก่อนนะ คือชีวิตคนเราเนี่ยมันมีขึ้นมีลงและถ้ามันลง เราจะมานึกย้อนแล้วมานั่งเสียดายกับมันหรือกลับไปทำมันก็ไม่ทันแล้ว ฉะนั้นในวันนี้วันที่เราทำอะไรไปก็เป็นสีสันไปซะทุกอย่าง อย่างเช่นพูดคำว่า "งู้ยยยยยยยยยยย" ทำนั่นทำนี่มันสนุกน่ะ ตอนนี้เลยขอทำตรงนี้ให้ดีก่อนดีกว่า


#ซ่องเถื่อนเรือนปราโมทย์

เราไม่ได้กลัวการแต่งงานนะ แต่ตอนนี้เรามีกรอบของเราที่มีอยู่ แต่กรอบที่เรามีอยู่คืองาน ถ้าจะแต่งงานเราต้องเบรกตรงนี้ไว้เลย ซึ่งยังไม่ใช่เวลาไง เพราะตอนนี้เราโฟกัสกับงาน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราแต่งานแล้ว เราก็ต้องโฟกัสที่ครอบครัว แต่ถ้างานเรามันยังไม่ลงตัวเวลาที่จะแบ่งมาให้คนรักก็อาจถูกแย่งออกไป มันจะไม่ดีทั้งสองอย่าง