ค้นป่าไม่พบหัวหมีขอ! แก๊งปลัดฯ อ่วม! อุทยานฯ ฟันอีก 12 ข้อหา

2018-10-14 15:55:47

ค้นป่าไม่พบหัวหมีขอ! แก๊งปลัดฯ อ่วม! อุทยานฯ ฟันอีก 12 ข้อหา

Advertisement

ไม่รอด..แก๊งออฟโรดยิงหมีขอโดนหนัก แค่อุทยานฯ 12 ข้อหา ส่วนตำรวจจ่ออีก 5 ข้อหา ด้านการค้นหาหัวหมีป่าเขาพลู 4 จุด ไม่พบหลักฐานเพิ่ม ตร.ยันหลักฐานที่มีก็พอดำเนินคดีได้แน่นอน

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. นายพนัชกร โพธิบัณฑิต รักษาการ หน.ชุดฉก.พญาเสือ หน.อุทยานฯ ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (13ต.ค.) ได้ร่วมกับ พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล รอง ผบช.ภาค 7 หัวหน้าทีมชุดสืบสวนสอบสวนคดียิงหมีขอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 ภ.จว.กาญจนบุรี ตำรวจ บก.ปทส. ตชด.136 ทหารฉก.ลาดหญ้า ปกครอง เดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุ ป่าเขาพลู ม.8 ต.วังกระแจะอ.ไทรโยค เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่ม

โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณ ที่เข้าจับกุมกลุ่มออฟโรด แต่ไม่พบหลักฐานใดๆ จุดที่ 2 บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาพลู ที่กลุ่มผู้ต้องหาให้การว่ายิงปืนแก้บน ก็ไม่พบหลักฐานเพิ่ม จุดที่ 3 บริเวณต้นไทร ที่ผู้ต้องหาให้การว่ายิงหมีขอ ก็ไม่พบหลักฐานเพิ่ม จุดที่ 4 บริเวณที่ผู้ต้องหาบอกว่ายิงอีเห็นแต่ผิด ก็ไม่พบหลักฐานปลอกกระสุนปืนเข่นกัน ส่วนจุดที่ 5 ตรงลำธารใกล้แคมป์พัก ที่นายตาต้าบอกว่าโยนหัวหมีลงไป เจ้าหน้าที่ได้ลงไปในลำธารน้ำ และช่วยกันเดินตามลำห้วย แยกย้ายกันค้นหาเดินตรวจสอบ ไปตามกระแสน้ำ ไกลราว 500 เมตร ก็ไม่พบหัวหมีขอ เชื่อว่าระยะเวลาจากวันที่ทิ้งหัวหมีขอ จนถึงวันนี้ เป็นเวลาหลายวัน กระแสน้ำคงพัดไปไกลมาก หรือสัตว์ป่าประเภทกินเนื้อ อาจจะคาบไปก็เป็นได้




นายพนัชกรเผยต่อว่า ขณะนี้ในส่วนของอุทยานฯได้แจ้งความ ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง13 คน รวมทั้งหมด 8 ข้อกล่าวหา และเพิ่มข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาที่มีอาวุธปืนอีก 4 ข้อหารวมทั้งหมด 12 ข้อหา

ประกอบด้วย 1.ฐาน “ร่วมกันเก็บหานำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ยางไม้ น้ำมันยาง น้ำมันสน แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 (2) ประกอบมาตรา 24 / 2.ฐาน “ร่วมกันนำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์” ตาม พระราชบัญญัติ อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 (3) ประกอบมาตรา 24 / 3. ฐาน “ร่วมกันนำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ยานพาหนะ ในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้นเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พระราชบัญญัติอุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 (9) ประกอบมาตรา 25 /  4. ฐาน “ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ และปฏิบัติตามเงื่อนไขซึ่ง พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้อนุญาตนั้นกำหนดไว้” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 (15) ประกอบมาตรา 27



 5 . ฐาน “ร่วมกันล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับยกเว้น” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 16 ประกอบมาตรา 47 / 6 . ฐาน “ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง โยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535  มาตรา 19 ประกอบมาตรา 47 / 7. ฐาน “ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับ ไว้โดยประการใดซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่า อันได้มาโดยการกระทำความผิด” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 55 /  8. ฐาน “ร่วมกันเก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการ ใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพ ป่าสงวนแห่งชาติ” ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31

และแจ้งข้อหากับบุคคลที่ยิงปืน ล่าสัตว์ พาอาวุธปืนเพิ่ม อีก 4 ข้อหา คือ 9. ฐาน ครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในราชการสงคราม และขอให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง / 10. ฐาน “ยิงปืนในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 22 และมาตรา 51 / 12 . ฐาน “ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในบริเวณวัด” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 41 และมาตรา 51 และหากตรวจสอบพบว่ามีหลักฐานพยานเพิ่มเติม ในการกระทำผิดใดอีก ก็จะแจ้งความดำเนินคดีอีกต่อไป

ด้านพล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล รอง ผบช.ภาค 7 หัวหน้าทีมชุดสืบสวนสอบสวนคดียิงหมีขอ เผยว่าเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบค้นหาพยานหลักฐาน ในแต่ละจุดทุกแห่งรวมทั้งในลำห้วยลำธาร แต่ก็ไม่พบหัวหมีขอ หรือพยานหลักฐานอื่นๆเพิ่มอีก แต่พยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ ก็เพียงพอต่อการดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน



ทางด้านอดีตนายพรานกลับใจคนหนึ่ง บอกในเรื่องการล่าสัตว์ป่าว่า เป็นความเชื่อของกลุ่มบุคคลที่ชอบล่าสัตว์ป่าว่า หากสามารถยิงสัตว์ในป่าได้ จะเสมือนว่าเกิดบารมีอำนาจ รวมทั้งมักจะนำซากสัตว์ที่ล่าได้ เช่น หัวสัตว์ป่า หนัง เขา งา ไปประดับฝาบ้าน โชว์ว่ามีฝีมือในการล่าสัตว์ป่า ส่วนเรื่องเนื้อสัตว์หรืออวัยวะสัตว์ ก็มีความเชื่อว่า อุ้งตีนหมี ดีหมี เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย ทำให้แข็งแรง น้ำมันเลียงผา ก็เชื่อว่ารักษาแผลสด รักษากระดูกแตกกระดูกหัก

ส่วนกระดูกเสือ อวัยวะเพศเสือ งวงช้างอวัยวะเพศช้าง ก็เช่นเดียวกัน เชื่อกันว่ากินแล้วมีพลัง ช่วยเสริมสมรรถนะทางเพศ อายุยืน จนพวกเนื้อสัตว์ป่าอย่างหมีขอที่ถูกยิง หรือเก้ง กวาง ก็เชื่อว่าถ้ากินเนื้อสัตว์ป่า จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เกิดโรคภัยไข้เจ็บ แข็งแรงเหมือนสัตว์ป่า รวมทั้งการนำชิ้นส่วนของสัตว์ป่า ไปทำเครื่องรางของขลัง จะมีอำนาจ หนังเหนียวยิงฟันไม่เข้า นี่เป็นความเชื่อของบุคคลต่างๆ จึงทำให้ยังมีการล่าและค้าสัตว์ป่ากันอยู่ แม้เจ้าหน้าที่จะกวดขันอย่างไรก็ตาม หากบุคคลต่างๆยังมีความเข้าใจหลงงมงายในเรื่องดังกล่าว การลักลอบล่าและค้าสัตว์ป่า ก็ยังคงมีอยู่ดังเดิม

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง13 คน นอกจากจะถูกอุทยานฯ ดำเนินคดีถึง 12 ข้อหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมดำเนินคดีเพิ่ม ในเรื่องเกี่ยวกับอาวุธปืนอีก 5 ข้อหา