ลูกสาวเสี่ยปั๊มลั่นไม่ให้อภัย “พันศักดิ์”

2018-10-13 22:45:29

ลูกสาวเสี่ยปั๊มลั่นไม่ให้อภัย “พันศักดิ์”

Advertisement

ลูกสาวและญาติของเสี่ยปั๊มน้ำมันลั่นไม่ให้อภัย “พันศักดิ์” ไม่ต้องมาขอขมาให้ดำเนินคดีถึงที่สุด เมียเสี่ยปั๊มเผยแกล้งตายจึงรอดมาได้

จากกรณีตำรวจจับกุมตัว นายพันศักดิ์ มงคลศิลป์ อายุ 63 ปี อดีตนายตำรวจยศ พ.ต.ท. พร้อมกับภรรยาได้ที่ จ.ระยอง หลังจากเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ก่อเหตุยิง นายประชา วรทัด อายุ 52 ปี เสี่ยเจ้าของปั๊มน้ำมันศรีสุวรรณรุ่งเรือง ถนนเทศบาล 6 จ.สระแก้ว จนเสียชีวิต ขณะที่ นางปาริดา วรทัด อายุ 49 ปี ภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งนายพันศักดิ์พร้อมภรรยาถูกคุมตัวมาสอบสวนที่กองบังคับการปราบ ปรามแต่นายพันศักดิ์ รับสารภาพเพียงว่าเป็นแค่คนรับงานและจัดหาอาวุธปืน นำไปส่งให้บุคคลอีก 2 คนทำหน้าที่ลั่นไกแทน โดยปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าไม่ได้เป็นคนลงมือยิงเสี่ยเจ้าของปั้ม ส่วนผู้ว่าจ้างคือ นายดำรงค์ฤทธิ์ กิตติวราภรณ์ หรือเฮียท้ง ซึ่งได้ฆ่าตัวตายไปแล้วที่ อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ส่วนค่าจ้างในการก่อเหตุรับเงินมาหลักแสนบาทนั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 13 ต.ค.  นางปาริดา วรทัด อายุ 49 ปี ภรรยานายประชาผู้ตายซึ่งถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เดินทางมาพร้อมด้วย น.ส.ปัทมาภรณ์ อายุ 30 ปี ลูกสาว  และ น.ส.ดารณี ศรีสุวรรณ ญาติประมาณ 10 คนมาที่ สภ.เมืองสระแก้ว





น.ส.ปัทมาภรณ์ เปิดเผยว่า เสี่ยท้ง ผู้จ้างวานฆ่าเคยมีปัญหาเรื่องที่ดินปั๊มน้ำมันดังกล่าวที่ซื้อต่อมาจาก เสี่ยท้ง เนื่องจากประสบปัญหาทำธุรกิจปั๊มขาดทุนแล้วบอกขายกิจการต่อไปให้คนอื่นๆทั่วไปและพ่อแม่ตนก็ได้ไปกู้เงินจากธนาคารมาซื้ออย่างถูกต้องทุกบาททุกสตางค์ ในราคา 3.6 ล้านบาท แต่ต่อมาเสี่ยท้งเห็นว่ากิจการดีขึ้นเลยมีความต้องการจะขอซื้อปั้มคืนโดยไม่บอกว่าจะซื้อคืนราคาเท่าไหร่ พ่อกับแม่จึงไม่ยอมขายให้ จึงมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วมาตลอดในช่วง2 ปี ที่ผ่านมา  ตนไม่เคยระแวงว่าจะกล้าทำแบบนี้เพราะรู้จักกันมานานตั้งแต่ตนเกิดมา และเขาก็พิการไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนทำ ส่วนประเด็นเรื่องเรื่องชู้สาวนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีแน่นนอน เพราะนายประชาและนางปาลิดาอยู่ด้วยกันมาตลอด 30 ปี ก็ไม่เคยมีเรื่องดังกล่าว  ส่วนเสี่ยท้งเองก็พิการมาว่า 30 ปีแล้วจึงยืนยันว่าไม่มีเรื่องชู้สาวแน่นอน  



น.ส.ปัทมาภรณ์ ยังกล่าวอีกว่าวันนี้ จนท.ให้มาพบเพื่อที่จะให้แม่ที่ยังบาดเจ็บอยู่แต่สามารถเดินทางมาโรงพักได้ให้มาชี้ตัวนายพันศักดิ์เพราะแม่เห็นหน้านายพันศักดิ์ชัดเจนตอนก่อนลงมือโดยนายพันศักดิ์คลุมหน้ามาแต่พ่อกับแม่บอกให้ถอดหมวกคลุมนายพันศักดิ์จึงถอดออกแล้วก็ควักปืนออกมาจ่อยิงระยะเผาขนเลยกระสุนถูกพ่อ 1 นัดเสียชีวิตและแม่ถูกยิง 4 นัดกระสุนถูกแขน 2 ข้าง ท้อง 1 นัด และใบหู 1 นัดจนแม่แกล้งตายซึ่งแม่จำได้หน้าคนร้ายได้อย่างแม่นยำ




“ก่อนหน้าที่พ่อกับแม่จะถูกยิงแม่ได้ฝันว่ามีคนร้ายมาปล้นบ้านแล้วใช้ปืนยิงคนในบ้านเอาทรัพย์สินไป แม่จึงได้เล่าความฝันให้พ่อฟังตอนเที่ยงคืนตรงจุดที่ถูกยิงภายในบ้านแล้วก็เล่าให้ญาติๆฟังด้วยจากนั้นแม่ก็นำพระผงของครูบาบุญชุ่มมาพกติดตัวไว้แล้วก็เข้านอนพอตอนเช้ามืดก็ถูกยิงขณะเปิดปั้ม โดยที่แม่ได้นำเหรียญครูบาบุญชุ่มมาพกไว้ตอนถูกนายพันศักดิ์จ่อยิงมือก็ได้กำพระไว้และยกมือขึ้นยอมร้องขอนายพันศักดิ์ว่าอย่ายิงจนพระหลุดออกจากมือตกไปที่พื้นแล้วก็ถูกยิงซ้ำฟุบลงไปตรงพระหล่นบนพื้นบ้าน  อย่างไรก็ตามแม้ว่าคนร้ายจะถูกจับกุมได้ก็ยังโกรธแค้น ทางญาติไม่ยอมให้อภัยและไม่ต้องมาขอขมาให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด”น.ส.ปัทมาภรณ์ กล่าว



ต่อมาเวลา 12.00 น.พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 แถลงข่าวว่า จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สามารถจับผู้ต้องหาได้ครบตามหมายจับทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายพันศักดิ์   มงคลศิลป์ นางธนพร สุขโขจัย และ นายนิคม หรือ (ป็อด)  มนต์ศิริ  สำหรับนายพันศักดิ์ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนกระบวนการสอบสวน และนายพันธ์ศักดิ์ก็ให้การเป็นประโยชน์บ้าง แม้จะบอกความจริงไม่ครบทั้งหมดก็ตามเราไม่สนใจ แต่ทางตำรวจก็มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล พยานแวดล้อม วัตถุพยาน โดยเฉพาะอาวุธปืนที่เราได้มากับตัวนายพันศักดิ์ ก็จะส่งไปพิสูจน์หลักฐานว่าเป็นอาวุธปืนที่ใช้ในการทำความผิดหรือไม่หรือเคยได้ใช้ไปก่อเหตุอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งสามารถนำมาดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้อย่างแน่นหนา

“แม้ผู้ต้องหาจะให้การว่าไม่ได้เป็นคนลงมือยิงแต่ตำรวจก็มีหลักฐานดังกล่าวซึ่งตำรวจจะสามารถจับได้ว่าพูดจริงหรือพูดเท็จ ส่วนปมขัดแย้งก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องธุรกิจที่ดินปั้มน้ำมันไม่ใช่เรื่องชู้สาวแต่อย่างใด ขณะนี้ตำรวจยังให้การคุ้มครองพยานผู้เสียหายเต็มกำลังแม้จะจับผู้ต้องหาได้แล้วก็ตาม  จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ถ้าโยงไปถึงใครก็จะขออนุมัติออกหมายจับทุกคนเช่นกัน ส่วนเสี่ยท้งที่เกี่ยวข้องกับการจ้างวานก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่หลักฐานเชื่อมโยงกับใครก็จะดำเนินการจับกุมให้หมดโดยเร็ว” พล.ต.ท.จิตติ



หลังจากแถลงเสร็จทางนางปาลิดา   วรทัด น.ส.ปัทมาภรณ์ ลูกสาวพร้อมญาติๆ ได้นำกระเช้ามาแสดงการของคุณตำรวจทุกท่านที่สามารถจับกุมคนร้ายและให้ความคุ้มครองช่วยเหลืออย่างดี

ต่อมา ได้นำตัวนางปาลิดา ไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบสำนวนว่าคนร้ายได้สวมหมวกเข้ามาหาขณะที่ตนกับสามีกำลังเปิดร้าน คนร้ายได้สวมหมวกคลุมหน้าเดินเข้ามาขอซื้อนำมันตนก็บอกว่าทำไมคลุมหน้าคนร้ายจึงเปิดหน้าออกตนเห็นใบหน้าจำได้อย่างแม่นยำ จากนั้นก็ควักอาวุธปืนมาล็อกคอจ่อยิงสามีตนด้านท้ายทอยจนฟุบลงแล้วก็หันปืนมายิงใส่ตนอีกหลายนัด ตนแกล้งตายพอคนร้ายไปก็วิ่งไปขอความช่วยเหลือเสี่ยท้งที่บ้านติดด้านหลังปั้มแล้วเสี่ยท้งก็ให้คนนำไปส่ง รพ.