ตร.คุม “ตาต้า”ยิงหมีขอฝากขัง อุทยานฯแจ้งเพิ่ม 2 ข้อหาแก๊งออฟโรด

2018-10-12 13:35:50

ตร.คุม “ตาต้า”ยิงหมีขอฝากขัง อุทยานฯแจ้งเพิ่ม 2 ข้อหาแก๊งออฟโรด

Advertisement

ตำรวจ สภ.ไทรโยคคุม “ตาต้า”ชาวเมียนมาคนลั่นไกฆ่าหมีขอไปขออำนาจศาลฝากขัง หลังนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพพร้อม 2 อส. เตรียมทำแผนเพิ่มอีก 13 ต.ค. ด้านหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยคแจ้งข้อหากลุ่มออฟโรดเพิ่มอีก 2 ข้อหา



เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 12 ต.ค.พ.ต.อ.ธานี สงวนจีน ผกก.สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้นำตัวนายตาต้า ชาวเมียนมา คนดูแลสำนักสงฆ์เต่าดำ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวเดินทางไปฝากขังที่ศาล จ.กาญจนบุรีหลังจากเมื่อวันที่ 11ต.ค. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายตาต้า นายอนุสรณ์ เรือนงาม นายสกานต์ แก่งหลวง 3 ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่เกิดเหตุบริเวณป่าเขาพลูสำนักสงฆ์เต่าดำ พื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค หมู่ที่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค



ทั้งนี้เมื่อบ่ายวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สุวิทย์ ชาวศรีทอง รรท.ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.สนธยา ฉายเกียรติขจร สว.สส.สภ.ไทรโยค พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ พฐ.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้นำตัวนายตาต้า ชาวเมียนมา คนดูแลสำนักสงฆ์เต่าดำ พร้อมนายสกานต์ แก่งหลวง และนายอนุสรณ์ เรือนงาม 2 อส. อ.ด่านมะขามเตี้ย เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ต่อด้วยรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ไปยังสำนักสงฆ์เต่าดำ หมู่ที่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค ทั้งนี้ก่อนถึงสำนักสงฆ์เต่าดำ บริเวณต้นไทรริมทาง ที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การว่าได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนลูกกรดขนาด.22 แอลอาร์ ติดกล้อง และติดท่อเก็บเสียง ยิงหมีขอ โดยจำลองเหตุการณ์ นายตาต้ายกปืนขึ้นยิงหมีขอบนต้นไทร 1 นัด โดยมีนายสกานต์ เป็นคนส่งปืนและส่องไฟคาดศีรษะให้ หลังยิงหมีขอเสียชีวิตตกลงบนพื้น นายอนุสรณ์ เป็นคนเก็บซากหมีขอ แล้วแบกซากหมีขอเดินกลับไปที่พักริมลำธาร บริเวณพื้นที่สำนักสงฆ์





ต่อมานายตาตาพร้อมด้วยนายจิระ ชาวเมียนมาได้ร่วมกันเผาขนหมี แล้วชำแหละซาก เอาเนื้อเพื่อไปทำอาหาร โดยตัดคอโยนทิ้งในลำธาร และแบ่งเนื้อหมีคนละครึ่งตัว โดยกลุ่มนายตาต้าครึ่งตัว กลุ่มออฟโรดคณะของนายวัชรชัย สมีรักษ์ อดีตปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ยครึ่งตัว จนใกล้ค่ำเจ้าหน้าที่เห็นว่าทำแผนไม่เสร็จ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เดินทางกลับ สภ.ไทรโยค โดยเฮลิคอปเตอร์ และจะกลับมาทำแผนเพิ่มเติมใหม่ อีกครั้งในวันที่ 13 ต.ค.



สำหรับในส่วนของคดีนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ใช้ชุดทำคดีเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวรฯเข้าร่วมกับชุดสอบสวน สภ.ไทรโยค โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนได้เร่งทำงานกัน แบบแทบไม่มีเวลาพักผ่อน โดยรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆให้ได้มากที่สุด และต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอซากหมีขอ จากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ส่วนนายจีระ ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา ที่อาศัยอยู่ร่วมกับนายตาตา บริเวณสำนักสงฆ์เต่าดำ ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 519/2561 ลงวันที่ 10 ต.ค.2561 อยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามจับกุมตัว





ทั้งนี้จากการที่เจ้าหน้าที่ กระจายกำลังออกตรวจสอบ ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ พบภาพกลุ่มรถออฟโรดทั้ง 6 คัน วิ่งผ่านบริเวณ 3 จุด โดยจุดแรกวันที่ 6 ต.ค.เวลา 09.36 น.วิ่งมาตามถนนเส้นทางถ้ำเชลย-พุน้อยผ่านบริเวณหน้าที่ทำการอบ ต.ลุ่มสุ่ม จุดที่ 2 เวลา 10.36 น. วันเดียวกันวิ่งตามเส้นทางพุน้อย-บ้องตี้ ผ่านป้อมตำรวจบ้านพุน้อย และจุดที่ 3 เวลา 12.23 น. วิ่งเส้นทางทุ่งมะเซอย่อ-เหมืองเต่าดำ ผ่านหน้าร้านขายของชำในหมู่บ้านทุ่งมะเซอย่อ หมู่ที่ 4 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค โดยมีระยะทางจากจุดแรก ไปยังสำนักสงฆ์เต่าดำประมาณ 71 กม. ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯและชุดฉก.พญาเสือ จับกุมที่บริเวณป่าเขาพลู หมู่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค ใกล้เที่ยงของวันรุ่งขึ้นที่ 7 ต.ค.



ด้านนายพนัชกร โพธิบัณฑิต รักษาการหัวหน้าชุด ฉก.พญาเสือ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ เพื่อหาหลักฐานและวัตถุพยานในคดีเพิ่มเติมอีก 3 จุด ที่บริเวณป่าเขาพลู หมู่ที่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค จุดแรกพบซากกบทูด หรือ เขียดแลว 4 ตัว ซากหมีขอ 3 ชิ้น น้ำหนัก 4.3 กก. จุดที่ 2 ด้านหลังศาลเจ้าพ่อเขาพลู พบหัวกระสุนปืน 1 หัว ฝังอยู่ในลำต้นไผ่ และบริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อเขาพลู พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 อีก 2 ปลอก จุดที่ 3 จุดสุดท้าย บริเวณต้นไทรห่างริมถนนราว 15เมตร และห่างจากจุดบริเวณที่อดีตปลัดอำเภอ กับพวกพักราว 300 เมตร รวมทั้งเป็นจุดบริเวณที่นายตาต้า รับสารภาพว่าลงมือยิงหมีขอ โดยพบปลอกกระสุนปืนขนาด .22 แอลอาร์ จำนวน 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวม หลักฐานพยานวัตถุ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค โดยในวันนี้จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 14 คน อีก 2 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ยิงสัตว์นอกเวลาอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น 2. ฐานยิงปืนทำให้ เกิดระเบิดซึ่งวัตถุระเบิดในเขตอุทยานแห่งชาติ