ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งเหว พิษเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย-สงครามการค้า

ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงระเนระนาดครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายเดือน หลังมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย, รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง และสงครามการค้า

ตลาดหุ้นสหรัฐ ดิ่งลงรุนแรงที่สุดในรอบหลายเดือน ในการซื้อขายใน 1 วัน จากความหวาดกลัวเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย, ภาวะเงินเฟ้อ, ความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยดัชนีกลุ่มเทคโนโลยี แนสแดค รูดลง 315.9 จุด หรือร้อยละ 4 ปิดที่ 7,422 จุด ขณะที่ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 831.8 จุด หรือร้อยละ 3.15 ปิดที่ 25,598.7 จุด และเอสแอนด์พี500 ก็ล่วงลง 94.6 จุด หรือร้อยละ 3.29 ปิดที่ 2,785.6 จุด ซึ่งเป็นการดิ่งลงรุนแรงที่สุดในวันเดียว ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับหุ้นของเนตฟลิกซ์ ลดลงร้อยละ 8 และอะเมซอน ลดลงร้อยละ 6

ผลกระทบรุนแรงไปจนถึงตลาดหุ้นในยุโรป ซึ่งในเยอรมนีและฝั่งเศส ต่างปิดตลาดลดลงกว่าร้อยละ 2

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์มากในปีนี้ ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากปั่นป่วนในช่วงต้นปี ซึ่งสามารถพุ่งสูงสุดทำสถิติใหม่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ธนาคารกลาง หรือเฟด เตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำคัญ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่จะไปเพิ่มภาระให้กับบริษัทที่กู้ยืม ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ความสนใจในการลงทุนในตลาดหุ้นลดน้อยลง

นอกจากนี้ การไถลลงของตลาดหุ้น ยังเกิดขึ้นก่อนฤดูกาลประกาศผลประกอบการ ซึ่งบรรดาบริษัทห้างร้านต่าง ๆ จะแจ้งสถานการณ์ล่าสุดของบริษัทให้บรรดานักลงทุนได้รับทราบเกี่ยวกับแนวโน้มในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ซึ่งก็คือไตรมาสที่ 4

ค่าใช้จ่ายของบริษัท เช่นภาระการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ จะเพิ่มสูงขึ้น และข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ ก็พบว่า อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ขณะที่ การตั้งภาษีของสหรัฐต่อสินค้าประเภทเหล็ก, อลูมิเนียม และสินค้าของจีน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นและบีบให้บริษัทลดการคาดการณ์ของผลกระกอบการ ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่ตอกย้ำความกังวลของตลาด

ส่วปนะธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวกับนักข่าวก่อนเดินทางไปหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนียว่า การเทขายหุ้นเมื่อวานนี้ ถือเป็นการลงโทษที่มีการรอคอยมายาวนาน และว่า เฟด ซึ่งเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำอะไร “บ้า ๆ” เขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เฟดกำลังทำ