เปิบวิตถาร !! อุ้งตีนหมี (ขอ) วิถีกินพิสดาร ผลาญชีวิตสัตว์ป่า

2018-10-10 16:10:03

เปิบวิตถาร !! อุ้งตีนหมี (ขอ) วิถีกินพิสดาร ผลาญชีวิตสัตว์ป่า

Advertisement

ไม่มีอะไรสะเทือนใจไปมากกว่ากัน สำหรับเคสเปรมชัยก่อนหน้ากับเคสปลัดอำเภอ ณ ปัจจุบัน ... ความตายของสัตว์ป่าสงวนมันไม่ใช่เรื่องสวยงาม แต่มันยังคงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าพวกเราจะพยายามช่วยกันป้องปรามมากแค่ไหนก็ตามที ... จากกรณีนี้ทำให้เราได้รู้ถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นอยู่ทุกชั่วขณะ ลับหลังคดีดังที่ยังค้างคาในชั้นศาล การเอาผิดตัวการทั้งขบวนการไม่ใช่เรื่องง่าย เสมือนจับตายายเข้าป่าหาเห็ดกิน ...


รู้สึกสลดใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นชีวิตสัตว์ป่าที่ควรอนุรักษ์กลายเป็นอาหารอันโอชะของคน (บางกลุ่ม) โดยมีสัตว์หลายประเภทที่ถูกชำแหละโดยเฉพาะหมี เพราะเขาเหล่านั้นนิยมกินอุ้งตีนของพวกมัน จากความเชื่อสุดงมงายเรื่องอวัยวะส่วนล่างจะขยับขยายเมื่อได้รับสารบางอย่างจากตีนหมี โด๊ปกันได้โด๊ปกันดีแต่มันแย่ตรงที่ต้องเข่นฆ่าสัตว์ป่าตัวน้อยเพื่อให้ได้มา ...





ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จับกุม นายวัชรชัย สมีรักษ์ อายุ 41 ปี ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ อส. 2 นาย พร้อมพวกรวม 11 คน โดยมีของกลางปืนไรเฟิลติดกล้อง รถออฟโรด 6 คัน ซากหมีขอที่ตัดแยกเป็น 4 ขา โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ ทั้งหมดทั้งมวลนำมาซึ่งเมนูสยดสยองตรองดูจากขั้นตอนการทำอาหารจากหมีนั้นมันช่างโหดร้ายเกินพรรณนา ...





ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็มีข่าวใหญ่โตแบหราโชว์ความอำมหิตตามหน้าสื่อต่างๆ หลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร และ กรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ที่เข้าไปลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยในจุดเกิดเหตุพบซากเสือดำที่นายเปรมชัย พร้อมพวกได้ล่ามาเป็นอาหาร โดยได้เลาะเฉพาะเนื้อขาขวาหลังเสือดำมาย่างกิน ส่วนหางเสือดำนำไปปรุงเป็นซุป ทราบจากแหล่งข่าวว่าในประเทศไทยชาวบ้านตามลุ่มแม่น้ำโขงหลายหมู่บ้านยังคงล่าสัตว์ป่ามาชำแหละขายอยู่ในหลายๆ จุดรอดสายตาโดยเฉพาะบริเวณชายแดนต่างๆ 



ในความเป็นจริงต้องตีแผ่นั้น "อุ้งตีนหมี" เป็นเมนูที่ทำแสนยากเย็นและเป็นการทรมานสัตว์อย่างยิ่ง เพราะการฆ่าหรือล่าหมีไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คนปรุงที่จะทำเมนูนี้ได้จะต้องฆ่าหมีให้ตายภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่หากว่าหมีนั้นตัวใหญ่และมีผิวหนังที่หนาเหนียวจะเป็นเรื่องยากมากขึ้นอีกเท่าตัว คนปรุงหรือคนฆ่าหมีจะนำหมีที่อยู่ในกรงขัง (หากถูกจับได้) ใส่กระสอบคลุมส่วนหัวและทิ้งร่างทั้งตัวถ่วงลงน้ำโดยการถ่วงด้วยของหนัก เมื่อหมีตายสงบนิ่งคนปรุงจะใช้มีดเจาะเข้าที่ลำคอให้เลือดพุ่งออกมา จากนั้นก็นำภาชนะมารองเลือดเพื่อนำไปผสมเหล้าดื่มกิน และเฉือนอุ้งตีนออกมาจนเสร็จ เพื่อนำมาทำเป็นเมนูเปิบ (วิตถาร) พิสดารต่างๆ ว่ากันว่าการได้กินเนื้ออุ้งตีนหมีจะช่วยในเรื่องอายุวัฒนะและเพิ่มพลังอวัยวะส่วนล่างนั่นเอง



นายวัชรชัย สมีรักษ์ อายุ 41 ปี ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย

สุจิตต์ สาลีพันธ์ อดีตนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านโภชนาการ) อธิบายว่า เมนูอุ้งตีนหมี หรือ ซุปหางเสือดำ เป็นสารอาหารประเภทโปรตีน ไม่มีสรรพคุณบำรุงสมรรถภาพทางเพศแต่อย่างใด แต่ที่เห็นหลายคนนิยมและต้องการรับประทานอาหารชนิดนี้ก็อาจจะเป็นความเชื่อในส่วนบุคคลเท่านั้น





สรุปคือ “อุ้งตีนหมี มีคุณค่าทางโภชนาการไม่ได้แตกต่างจากการรับประทานเนื้อสัตว์ทั่วไป เพราะมีสารอาหารประเภทโปรตีนเหมือนกัน ขอย้ำว่าประเทศไทยมีอาหารให้รับประทานหลายชนิดไม่จำเป็นต้องสรรหารับประทานอาหารจำพวกสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์หายาก” อดีตนักวิชาการ ด้านโภชนาการกล่าว



ทั้งนี้ หมีขอยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีหน้าตา ขนสีดำ คล้ายหมี แต่เป็นสัตว์จำพวกชะมดและอีเห็นที่ใหญ่ที่สุด มีหางยาวสามารถใช้เกาะเกี่ยวต้นไม้ได้เป็นอย่างดี แม้เป็นสัตว์จำพวกชะมดและอีเห็น แต่หมีขอมีความเปราะบางมากกว่า เพราะหากหมีขอรู้สึกว่าถูกรบกวนจะยิ่งเข้าไปในป่าลึกโดยเฉพาะพื้นที่ป่าสมบูรณ์ ซึ่งบริเวณที่ปลัดอำเภอและพวกเข้าไปนั้นก็เป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์มาก หากยังมีคนที่มีพฤติกรรมล่าสัตว์ป่าก็ไม่ใช่แค่หมีขอเท่านั้นแต่สัตว์ป่าทุกชนิดก็น่าเป็นห่วงหมด





ทีมข่าวสกู๊ปพิเศษ นิว 18 อยากวอนขอให้ทุกท่านช่วยกันรณรงค์ "อย่าซื้อ อย่าสนับสนุน" ธุรกิจที่ทำร้ายชีวิตสัตว์ป่าต่อไปอีกเลย เพราะการหยิบยื่นความตายอันแสนทุกข์ทรมานให้พวกมันนั้น พวกมันไม่สามารถต่อรองหรือร้องขอชีวิตตัวเองได้เลย


ชิ้นส่วนที่พบและใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิด




อ่านต่อเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

จากความเชื่อคร่ำคร่า นำพา"เสือดำ"สู่ความตาย

รู้จัก “หมีขอ” สัตว์ป่าคุ้มครองเสี่ยงสูญพันธุ์

ย้อนรอย "คดีดังล่าสัตว์ป่า" ย่ำยีหัวใจคนไทย