ตำรวจลุยค้น 12 จุด ตรวจแมนชั่น "เจ๊หมวยประตูน้ำ" ห้องพักผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ยึดเมมโมรีกล้องหน้ารถตรวจสอบ เผยค้นห้องพักไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เตรียมขอหมายจับเพิ่มอีก 10 ราย
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ต.ค. พล.ต.ต.เสนิตย์ สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ในภารกิจปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าคนร้ายก่อเหตุกราดยิงอาก้าภายในซอยราชปรารภจะใช้ซุกซ่อนอาวุธปืน
พล.ต.ต.เสนิตย์ กล่าวว่า วันนี้ตรวจค้น 12 จุด ในพื้นที่ประตูน้ำ วังทองหลาง นนทบุรี และปทุมธานี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 5 คน รวมทั้งค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ โดย 1 ใน 12 จุด ที่ ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นห้องพัก ของนายขวัญ ทองดี หรือ โจ้ 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและยังหลบหนี ภายในซอยราชปรารภ 2 โดยมีนางอำภา ธรรมโรจน์พินิจ หรือ เจ๊หมวยประตูน้ำ น้องสาวของ “เฮียปอประตูน้ำ” เจ้าของแมนชั่นได้ให้ความร่วมมือในการตรวจค้นครั้งนี้
ทั้งนี้ภายในห้องพักพบ น.ส.สาวิตรี สงวนทรัพย์ ภรรยาของนายขวัญ และลูกชาย 5 คนลูกสาว 1 คน จากการตรวจค้นห้องพักยังไม่พบหลักฐานใดๆ นอกจากนี้เจ้าหน้าตรวจค้นรถเก๋ง พบเมมโมรีการ์ดกล้องหน้ารถ จึงขอตรวจยึดมาตรวจสอบ พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่จะเชื่อมโยงไปถึงตัวนายขวัญได้
น.ส.สาวิตรี อ้างว่า พักอาศัยอยู่ที่ห้องดังกล่าวกับสามีมาเป็นเวลา 4 ปี มีอาชีพรับจ้างเก็บค่าเช่าที่ ให้เจ้หมวย ส่วนนายขวัญจะเป็นคนเดินซื้อของ ปกติแล้วสามีไม่ได้มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่คิดว่าสามีจะเป็นคนก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุนายขวัญไม่ได้กลับมายังห้องพัก ยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว ส่วนเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุเคยแวะเวียนมาที่หอพักแห่งนี้เป็นครั้งคราว
ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1 ระบุว่า ปมในการก่อเหตุยังเชื่อว่าเป็นเรื่องการทะเลาะวิวาทของกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการแสดงพลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนกระสุนปืนที่ใช้ก่อเหตุตรวจพบว่าเป็นกระสุนขนาด 7.62 ที่นอกจากจะใช้ได้กับอาวุธปืนอาก้าแล้วยังสามารถใช้ได้กับอาวุธไรเฟิลที่อนุญาตใช้ล่าสัตว์ หรืออาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่สามารถปรับขนาดลำกล้องให้สามารถใส่กระสุนได้ด้วย ยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับอีก 10 ราย และจากนี้จะมีการปูพรมในที่เกิดเหตุเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวอีก
สำหรับผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่คุมตัวไว้แล้ว ประกอบด้วย นายพรเทพ พุ่มพวง นายปรีชา ศักดิ์อุดมไพศาล นายประมุข จันท์เสนานนท์ นายสมชาย แซ่ปัง นายภิรมย์เวศน์อภินรชาติ นายธัชกร พรภักดี เหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีและถูกออกหมายจับ 5 คน คือ นายบำเพ็ญ พุ่มพวง พ่อของนายพรเทพเจ้าของปืนอาก้า นายเกษม รุณไพรัชน์ นายศรราม ภูพลผัน นายหนุ่ม กระต่ายทอง และนายขวัญ ทองดี
ทั้งนี้ประเด็นทะเลาะวิวาทครั้งนี้ ทราบว่ามาจากนายบำเพ็ญ หรือม็อก พุ่มพวง อายุ 44 ปี พ่อของนายพรเทพ หรือเพชร พุ่มพวง อายุ 22 ปี เจ้าถิ่นเคยเข้ามาก่อกวนนายปรีชาหลายครั้ง เนื่องจากไม่พอใจที่มาคุมโต๊ะสนุ้กเกอร์ โดยโต๊ะสนุกเกอร์แห่งนี้ กลุ่มนายบำเพ็ญยังดูแลอยู่ หลังจากกลุ่มนายปรีชา จากชุมชนตึกแดงเข้ามาจึงเกิดเขม่นกัน จนถึงขั้นใช้อาวุธสงครามยิงถล่มมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว สำหรับประวัติของนายบำเพ็ญหรือม็อก พ่อนายพรเทพ เจ้าของปืนอาก้า พบเคยถูกจำคุกข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ถูกจำคุก 5 ปี และมีคดีทำร้ายร่างกายติดตัวอีกหลายคดี
รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สรุปผลตรวจค้น 12 จุด ไม่พบผู้ต้องหาเพิ่ม ส่วนผลสอบปากคำผู้ต้องหารับว่าใช้ปืนยิงคู่อริ แต่ไม่มีใครรับใช้ปืนอาก้าก่อเหตุ
เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น รักษาราชการแทน ผบช.น. เปิดเผยหลังตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้น 12 จุด ว่า ผลการเข้าตรวจค้น เบื้องต้นพบหลักฐานเป็นเสื้อผ้าของผู้ก่อเหตุใน จ.นนทบุรี แต่ไม่พบมีผู้ต้องหารายใดพักอยู่ในจุดตรวจค้น ขณะที่การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาขณะนี้มีการออกหมายจับ 11 คน จับกุมดำเนินคดีแล้ว 5 คน อายัดตัวผู้ต้องหาที่รักษาตัวในโรงพยาบาล 1 คน ซึ่งผลการสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี บางรายรับว่าได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงใส่คู่อริจริง แต่ในจำนวนนี้ยังไม่พบว่ามีรายใดที่ใช้ปืนอาก้า ส่วนประเด็นการลงมือยังมาจากเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างวัยรุ่น 2 กลุ่ม ไม่ยืนยันปมขัดแย้งผลประโยชน์โต๊ะพนันบอล และได้ให้พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รักษาราชการแทนรอง ผบช.น. ไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับการออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นๆ อีกนับ 10 คน ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขยายผลเพิ่มเติม ส่วนที่มีรายงานข่าวว่ามีผู้ต้องหาบางรายพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวอย่างใกล้ชิด และได้ประสานให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเฝ้าระวังอีกทางหนึ่งแล้ว