The Children Gone to Poland” ได้ฉายเป็นครั้งแรก ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์สารคดีที่เล่าถึงเด็กกำพร้าจำนวน 1,200 คน ที่ถูกส่งจากประเทศเกาหลีเหนือไปยังประเทศโปแลนด์ เพื่อหนีสงครามเกาหลี ซึ่งพวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์ กับคุณครูก่อนถูกทางการสั่งให้กลับมาบ้านเกิด
“The Children Gone to Poland” เล่าย้อนรอยกลับไปถึงการเดินทางของเด็กกำพร้า 1,200 คนที่ถูกส่งออกจากประเทศเกาหลีเหนือช่วงที่เกิดสงครามเกาหลีเมื่อปีพ.ศ. 2493 ถึง 2496 โดยจากสงครามครั้งนั้นได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยครึ่งล้าน และทำให้เด็กอย่างน้อย 100,000 คนกลายเป็นเด็กกำพร้า
คิม อิล ซุง ผู้นำเกาหลีเหนือในเวลานั้นจึงส่งเด็กกำพร้าหลายพันคนไปยังประเทศต่าง ๆ ทั้งสหภาพโซเวียต ฮังการีและโปแลนด์ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2494 และขอให้ประเทศคอมมิวนิสต์ผู้เป็นพันธมิตรกับเขาดูแลเด็ก ๆ เหล่านี้ โดยเด็กกำพร้าส่วนหนึ่งจำนวน 1,200 คนเดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อพลาโควิซ (Plakowice) ในประเทศโปแลนด์ และอาศัยอยู่ในอาคารของโรงพยาบาลเก่าแห่งหนึ่งเป็นเวลา 6 ปีภายใต้การดูแลของคุณครูชาวโปลิช
โจเซฟ บอรอเวียตซ์ (Jozef Borowiec) คุณครูในวัยเกษียณกล่าวในภาพยนตร์ว่า “รถไฟที่อัดแน่นไปด้วยเด็กๆทั้ง ขบวน ได้เดินทางมาถึงที่นี่ โดยใช้เวลาเดินทางหลายวัน” พร้อมเล่าว่าเด็ก ๆ บางคนยังมีอาการช็อคและบอบช้ำทางจิตใจที่ต้องเห็นสงครามอันโหดร้าย
หลังจากที่เด็ก ๆ เรียนรู้ภาษาโปแลนด์และสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณครู และคนที่ดูแลพวกเขา แต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง เมื่อทางการเกาหลีเหนือออกคำสั่งให้พวกเขาเดินทางกลับประเทศในที่สุด จนทำให้เด็กบางคนยอมนอนกลางหิมะหรือเทน้ำเย็นจัดใส่ร่างกายภาวนาในตัวเองป่วยและรอดพ้นจากการถูกส่งกลับประเทศ
โดยชู ซัง-มี นักแสดงหญิงชื่อดังชาวเกาหลีใต้ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ เดินทางไปยังประเทศโปแลนด์เพื่อตามหาร่องรอยของเด็กกำพร้าจากสงครามด้วยตนเอง พร้อมกับชาวเกาหลีเหนือผู้หลบหนีออกจากประเทศ คนหนึ่ง ที่ยังคงแบกรับความโศกเศร้าจากความทรงจำที่ต้องแยกจากครอบครัวในวัยเด็กมาด้วย