เจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้แห่งชาติสหรัฐ เตรียมจับและเคลื่อนย้ายม้าป่า 1,000 ตัวในเขตรัฐแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากประชากรม้าป่ามีมากเกินไป ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์กลัวว่า ม้าหลายร้อยตัวในจำนวนนี้อาจถูกขายเพื่อฆ่าชำแหละ
สำนักงานป่าไม้แห่งชาติโมด็อก (เอ็มเอ็นเอฟ) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีแผนเริ่มจับและเคลื่อนย้ายม้าป่า ในวันอังคาร (9 ต.ค.) จากถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ the Devil''s Garden Plateau Wild Horse Territory ขนาดเนื้อที่กว่า 250,000 เอเคอร์ (632,500 ไร่) ซึ่งเดิมถูกกำหนดให้เป็นที่อาศัยของม้าป่าวัยผู้ใหญ่ไม่เกิน 402 ตัว แต่ปัจจุบันประชากรของพวกมันเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 4,000 ตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของม้า เนื่องจากพวกมันต้องแย่งกันหาอาหารที่มีจำกัด และเป็นภัยต่อแหล่งน้ำที่เหลือน้อย รวมทั้งต่อทุ่งหญ้าท้องถิ่น และสัตว์ป่าอื่น ๆ
อแมนดา แม็คอาดัมส์ ผู้อำนวยการเอ็มเอ็นเอฟ กล่าวว่า ถึงเวลาที่จะต้องดูแลม้า และดูแลภูมิประเทศให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้แผนการ ม้าป่าอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะถูกนำออกขายหรือให้ประชาชนรับไปเลี้ยง ในเดือน พ.ย. ส่วนม้าที่อายุน้อยกว่า ประชาชนสามารถขอรับไปเลี้ยงได้เช่นกัน โดยข้อตกลงซื้อขายจะกำหนดเงื่อนไข ห้ามผู้ซื้อนำไปขายต่อเพื่อฆ่าชำแหละ จากการเปิดเผยของกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ The American Wild Horse Campaign (AWHC) สำนักงานป่าไม้มีแผนใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ขายม้าแก่ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 300 ตัว ได้โดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อสามารถขนส่งม้าเหล่านี้ไปยังแคนาดา เพื่อฆ่าชำแหละ
ข้อห้ามฆ่าม้าในสหรัฐถูกนำกลับมาใช้ใหม่อีกช่วงต้นปีนี้ การฆ่าชำแหละม้าไม่ผิดกฎหมายในเม็กซิโกและแคนาดา ทำให้ผุู้ซื้อม้าในสหรัฐขนส่งข้ามแดนไปยัง 2 ประเทศนี้ เพื่อฆ่าและส่งเนื้อม้าเพื่อการบริโภค ไปขายในยุโรปและเอเชีย