ประเทศไทยหลุดจากบัญชีดำลักลอบค้างาช้างแอฟริกาแล้ว คณะกรรมการอนุสัญญาไซเตส ครั้งที่ 17 มีมติไม่ต้องทำแผนปฏิบัติการงาช้างรายงานต่อไซเตส
เมื่อวันที่ 6 ต.ต.นายสมเกียรติ สุนทรพิทักษ์กุล ผอ.กองคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาไซเตส ครั้งที่ 17 ที่ ประเทศรัสเซีย ระหว่างวันที่ 1-5 ต.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า สำนักเลขาธิการไซเตสมีมติให้ประเทศไทยออกจากแผนปฏิบัติการงาช้าง โดยไม่ต้องทำแผนต่อไซเตสแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศ เคยถูกขึ้นบัญชีดำประเทศที่มีปัญหาลักลอบและเป็นเส้นทางค้างาช้างแอฟริกาผิดกฎหมาย จนเมื่อปี 2560 ประเทศไทยถูกปรับสถานะดีขึ้นเป็นเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นายสมเกียรติ กล่าวว่า การที่ไทยก้าวพ้นจากการขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากตลอดหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ออกมาตรการจัดแผนปฏิบัติการงาช้าง เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้างาช้างแอฟริกามายังประเทศไทยอย่างจริงจังและเข้มงวด ทั้งออกกฎหมายงาช้าง พ.ศ. 2558 การเพิ่มให้ช้างแอฟริกาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 รวมทั้ง ยังปรับปรุง วิธีการจดทะเบียนตั๋วรูปพรรณ ช้างเลี้ยงของไทย ความเข้มงวดปราบปราม และการค้าระหว่างประเทศที่ใช้ไทยเป็นทางผ่าน ทั้งนี้ จากข้อมูลกรมศุลกากรปี 2560 มีรายงานสถิติการจับกุมตรวจยึดงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างไปแล้วกว่า 16,730 ชิ้น น้ำหนักรวม 75 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 7.5 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาไซเตส มีความห่วงใยเรื่องการลักลอบค้าหนังช้างในประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยประเทศไทยยินดีให้ความร่วมมือป้องกันปราบปรามไม่ให้มีการนำเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งจะขยายการดำเนินการอย่างเข้มข้นกับสัตว์ชนิดอื่นด้วย
ขอบคุณข้อมูล :กรมประชาสัมพันธ์