"บิ๊กเซอร์ไพรส์ของวันนี้ !! คือเป็นวันที่แวดวงการเมืองจะให้กำเนิดว่าที่ ส.ส.คนใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ตัวแทนราษฎร เพื่อพูด เพื่อคิด เพื่อทำทุกๆ อย่างที่ดี โดยมีประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ... โดยเขาตัดสินใจลงสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังท้องถิ่นไท เพื่อเสนอตัวลงสมัคร ส.ส.ในระบบเขต "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" กับบทบาทใหม่ในหน้าที่ที่ต่างไปจากเดิม ... " 
วันนี้เจอตัวฟิล์มซึ่งนานๆ ทีจะออกงานใหญ่ ทีมข่าวบันเทิงนิว 18 เลยต้องรีบจ่อไมค์ถามความรู้สึกทำไมถึงตัดสินใจลงสมัครเป็นนักการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ โดยฟิล์มได้ตอบว่า ...
"ศึกษามานานแล้ว ผมเชื่อว่าการเมืองหรือการบริหารประเทศมันอยู่คู่กับคนไทยเรามาตลอดอยู่แล้ว ยิ่งโตมาและได้มาทำธุรกิจ เรารู้สึกเลยว่า ทำไมถึงมีนโยบายเป็นแนวนี้ บางทีมันไม่เอื้อความสะดวกต่อกลุ่มสตาร์ตอัพหรือว่ากลุ่มคนที่เขาต้องการมุมมองใหม่ๆ ของการบริหารในธุรกิจตัวเอง หรือว่าภาครัฐบริหารประเทศทำไมถึงบริหารในมุมมองอย่างนี้ ซึ่งจริงๆ มันไม่ตอบโจทย์ในเรื่องต่างๆ ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนเป็นแบบนี้ เวลาโตมาก็เลยอยากมีสิทธิเรียกร้อง มีสิทธิที่จะเสนอ แต่ไม่เคยได้รับเลย มาวันนี้ผมก็มองว่ามีหลายพรรคมากที่เขาเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็น เข้าไปแสดงนโยบายเพื่อที่จะมาบริหารประเทศ ก็เลยเป็นก้าวนึงในจุดเริ่มต้นว่าผมอยากเข้ามาเหมือนกันนะ เพราะมันเป็นอย่างเดียวเลยที่ยังไม่เคยทำ และมันเป็นสิ่งเดียวเลยที่เราสามารถมาบริหารประเทศได้ ผมก็เลยตั้งใจอยากจะลงสมัครเองครับ"
ตัดสินใจนานไหม?
ศึกษาอยู่ประมาณปีกว่าๆ นะครับ ตั้งแต่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้ง ก็เลยเริ่มศึกษาหาข้อมูลดูครับ
กลัวผลกระทบคนจะมองว่าดารามาลงการเมืองไหม?
ต้องบอกตามตรงว่าหลายๆ คนอาจจะมองอย่างนั้นว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากลัว ก็จะมีแต่กระแสด้านลบ บางคนด่าว่านั่นนี่ แต่ผมว่ามันอยู่ที่คนครับ ถ้าเกิดเราคิดที่จะทำดี คิดที่จะทำดีเพื่อประเทศชาติจริงๆ ไม่มีใครมาด่าเราได้หรอก มันก็เลยต้องมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเป็นแบบอย่างให้กับคนทั้งประเทศเห็นว่าการมาลงการเมืองหรือการบริหารประเทศมันไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง พรรคก็ไม่ใช่พรรคของใครคนใดคนนึง แต่วันนี้พรรคมันคือของคนไทยทั้งประเทศครับ เหตุผลที่ผมเลือกพรรคพลังท้องถิ่นไทก็มีเหตุผลแรกเลยคือเขาไม่มีหัวหน้าพรรค ไม่มีว่าเป็นพรรคของใคร เขาคือพลังท้องถิ่นไทคือพรรคของคนไทยทั้งประเทศ ก็เลยทำให้ผมก้าวเข้ามาในพรรคนี้
ผมมองว่าวันนี้เราต้องช่วยกันครับ มันคือวิกฤติถึงขั้นสุดแล้ว ถ้าเราไม่ออกมาช่วยกันประเทศชาติไม่มีทางเจริญ และไม่มีทางหลุดพ้นจากกฎเดิมๆ คือตั้งแต่เกิดมาเห็นเลยว่าพรรคของคนนี้ พรรคนี้เพื่อนของคนนั้น เบื่อมากครับ การทำอะไรต่างๆ มันติดขัดไปหมด พอผมโดนกับตัวเองผมก็เลยมาเต็มเหนี่ยวเลย เพราะธุรกิจของผมเวลาคิดอะไรแปลกใหม่ คิดอะไรที่แหวกแนว ก็โดนละ เหมือนไปขัดผลประโยชน์ชาวบ้านเขา ทำไมเราต้องเป็นแบบนั้น ทำไมไม่เหมือนเมืองนอกที่เขาอิสระทางด้านความคิด และเอาความคิดมาช่วยเหลือประชาชนจริงๆ
ตลอดชีวิตของผม ตั้งแต่ผมอายุ 15 เข้าวงการบันเทิงมาจนวันนี้ 34 เต็ม ผมเจอแต่สิ่งที่มันทำให้หดหู่ อย่างสวัสดิการคนแก่ สวัสดิการข้าราชการ กลุ่มคนตามต่างจังหวัด ท้องถิ่นต่างๆ ในประเทศของเรา เวลาไปเล่นคอนเสิร์ตถนนหนทางไม่ดี ความไม่เท่าเทียมในสังคม มันเบื่อ ผมลงพื้นที่เห็นมาตั้งแต่อายุ 15 จนถึงตอนนี้ไม่เคยมีความเปลี่ยนแปลงเลย ก็เลยมองว่าปีนี้เขาเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ออกมาแสดงความคิดเห็น หลายๆ พรรคมีคนที่มีความสามารคเก่งๆ ดังๆ เต็มไปหมดเลย เราก็มองว่าเราน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มาช่วยให้สังคมและประเทศเราเจริญขึ้น
จะส่งผลกระทบงานในวงการไหม?
ผมมองว่ามันไม่กระทบนะครับ งานในวงการเราก็ยังทำได้อยู่ครับ ผมไม่ได้ต้องการมาเป็นอะไรนะครับ ผมแค่ต้องมาการเป็นเสียงเล็กๆ เสียงนึงที่ทำให้ประเทศชาติเรามีความเปลี่ยนแปลง และความเจริญที่มันเข้าไปถึงในทุกๆ พื้นที่
เพราะงานในวงการหดด้วยหรือเปล่า เลยหันมาเอาดีด้านการเมือง?
จริงๆ งานในวงการก็เยอะเหมือนเดิมนะครับ แต่แค่ช่วงนี้ผมถูกบีบบังคับ เหมือนว่าให้มาอยู่แค่ในบ้านตัวเองน่ะครับ เหมือนให้มาแสดงในช่องทางของตัวเอง คนก็เลยไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ แต่จริงๆ งานก็ไม่ได้น้อยลงเลย แต่การที่มาโชว์ความสามารถอีกด้านนึงในการบริหาร มันก็เหมือนเราบริหารธุรกิจแหละครับ แต่นี่คือเป็นส่วนนึงที่ช่วยกันบริหารประเทศให้ดีขึ้น ก็ยังจะได้เห็นผลงานของผมในวงการอยู่ครับ
ถ้าในอนาคตต้องเข้าสู่วงการการเมืองเต็มตัวต้องหยุดงานในวงการเลยไหม?
อันนั้นต้องดูกันอีกทีในอนาคตครับ ตอนนี้เขาเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ออกมาแสดงมาแสดงความคิดเห็น เราก็อยากทำตัวเป็นแบบอย่างอาสาทำงานให้กับประเทศครับ
มีการเตรียมตัวรับกับกระแสด้านลบยังไงบ้าง?
ผมมองว่าถ้าทุกคนมารู้ความตั้งใจ และตอนนี้รัฐบาลเขาก็ประกาศให้คนรุ่นใหม่ออกมา หลายๆ พรรคก็มีเต็มไปหมดเลยที่เป็นรุ่นเดียวกับผมหรืออาจจะเด็กกว่าผมด้วยซ้้ำ ผมมองว่าคนก็จะไม่ออกมาพูดในกระแสลบ วันนี้ถ้าเรายังมองแต่ด้านลบอยู่มันก็จะไม่เกิดแรงสนับสนุน คนรุ่นใหม่ก็จะกลัวและจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันครับบอกให้คนที่มีความสามารถความรู้ในด้านที่เขาถนัด อย่างผมเรื่องไอที โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือมาร์เก็ตติ้งต่างๆ ก็เอาออกมาช่วยกัน มาวัดกันที่นโยบาย และประชาชนเขาจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าใครที่เขาจะเลือกมาบริหารประเทศ
โดนมองว่าเราใช้ฐานความเป็นดารามาสมัคร?
ผมมองว่ามีแค่ส่วนนึง จริงๆ แล้วการที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ผมว่าประชาชนเขามีความคิดครับ เขาไม่เลือกเพราะความเป็นดาราหรอก เขาเลืิอกที่ความสามารถและนโยบายของคุณทำได้จริงมั้ย เดี๋ยวนี้คนไทยฉลาดครับ เราวิเคราะห์ได้ คิดได้
มีแฟนคลับทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย?
มีครับ แต่หลายๆ คนตอนนี่เขาก็ยินดี คือมันไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว วันนี้ไม่ใช่ผมคนแรก แต่ยังมีอีกเยอะเลยที่เป็นคนรุ่นใหม่ออกมาช่วยประเทศกัน วันนี้คำว่าอาสาของผมคนจะรู้ทันทีว่าเข้ามามันต้องมีกระแสด้านลบ แต่เรากล้าที่จะออกมาเป็นแบบอย่าง ก็จะรู้ถึงจิตใจครับ รู้ว่ามันถึงจุดวิกฤติ ก็ต้องออกมาช่วยกันครับ ตอนนี้ก็ไม่มีกระแสต่อต้านแล้วครับ
