Thailand Web Stat

คุก 10 ปีลุงวิศวะยิง ม.4 ดับ

7 ปีที่แล้ว

 คุก 10 ปีลุงวิศวะยิง ม.4 ดับ

Advertisement

ศาลพิพากษาจำคุกลุงวิศวะ 15 ปี ยิงเด็ก ม.4 เสียชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่เนื่องจากจำเลยมิได้มีจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงโจรผู้ร้าย เพียงแต่ขาดสติยับยั้งชั่งใจ ลดโทษให้เหลือจำคุก 10 ปี ส่วนโทษฐานพกพาอาวุธปืน ปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี ปรับ 2,000 บาท

จากกรณีนายนวพล ผึ่งผาย หรือ ปอนด์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.4 ถูกนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ วิศวกร ยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2560 บริเวณริมถนนตลาดอ่างศิลา จ.ชลบุรี สาเหตุจากทะเลาะกันเรื่องที่จอดรถนั้น



เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ศาลจังหวัดชลบุรี คณะผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2941/2560 ระหว่างพนักงานอัยการเป็นโจทก์ น.ส.มณีพร ผึ่งผาย โจทก์ร่วม ฟ้องนายสุเทพ เป็นจำเลย โดยนายสุเทพ ให้การรับสารภาพในความผิดฐานพกพาอาวุธปืน ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าจำเลยพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง ส่วนปัญหาที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เห็นว่า เหตุคดีนี้สืบเนื่องมาจากพวกของผู้ตายซึ่งเป็นคนขับรถยนต์ตู้จอดรถที่หน้าร้านขายของฝากกีดขวางทางออกของจำเลย ทำให้มีปากเสียงกัน แต่เหตุวิวาทจบลงไปภายหลังจากพวกของผู้ตายขับรถยนต์ตู้ และรถยนต์เก๋งออกไป โดยมิได้ท้าทายจำเลยอีก หากจำเลยมีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจ จอดรถรอสักพักหนึ่งก่อน เพื่อให้โทสะคลายลงแล้วค่อยขับรถออกไป เหตุคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน แต่จำเลยกลับขับรถตามรถทั้ง 2 คันไปในทันที ขับแซงรถยนต์ตู้บีบแตรยาวใส่แล้วขับไปอยู่ด้านหน้า ชะลอความเร็วลงจนเกือบจะหยุดรถให้ชนท้าย ทั้งภริยาจำเลยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถ่ายภาพรถยนต์เก๋งพวกผู้ตายไว้อีก เช่นนี้ย่อมเป็นการท้าทายผู้ตายกับพวกให้เกิดโทสะและเข้ามาวิวาทกับจำเลย





เหตุที่จำเลยมีความฮึกเหิมกล้าท้าทายก็เนื่องจากจำเลยพกพาอาวุธปืน ซึ่งบรรจุกระสุนปืนไว้แล้วติดตัวไปด้วย และเตรียมอาวุธไว้ตั้งแต่ที่หน้าร้านขายของฝาก บ่งชี้ถึงเจตนาของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาท เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยหักหัวรถอย่างกะทันหันไปในลักษณะปาดหน้า และขัดขวางมิให้รถยนต์เก๋งของพวกผู้ตายขับต่อไปได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายกับพวกมาตลอดเส้นทาง จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่จะยิงกัน จำเลยก็ยังมีเจตนาวิวาทอยู่ เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายกับพวกมากันหลายคน ก็เริ่มเกิดความขลาดกลัว แต่ยังคงพูดกับผู้ตายกับพวกด้วยน้ำเสียงและคำพูดในลักษณะไว้ท่าทีว่าจะเอาเรื่อง มิใช่คำพูดในทำนองขอโทษในการกระทำของตน หรือแสดงให้เห็นว่าไม่อยากมีเรื่อง หรือให้เลิกแล้วกันไป ประกอบกับจำเลยเตรียมอาวุธปืนไว้พร้อมยิงต่อสู้กับฝ่ายผู้ตายจำเลยจะอ้างว่ายิงผู้ตาย เพื่อป้องกันสิทธิของตนไม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ตายกับพวกทำร้ายมารดา ภริยา และหลานที่มากับจำเลย จึงมิอาจอ้างได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิ์ของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะมาถึง จำเลยจึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืน และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง แต่เนื่องจากจำเลยมิได้มีจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงโจรผู้ร้าย เพียงแต่ขาดสติยับยั้งชั่งใจในการควบคุมตน จำเลยยิงปืนไปเพียง 1 นัด หลังเกิดเหตุมิได้หลบหนีไปไหนและยอมรับกับเจ้าพนักงานตำรวจในทันทีว่าเป็นคนยิงผู้ตาย ประกอบกับผู้ตายมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด เห็นสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืน ปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี ปรับ 2,000 บาท ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของ น.ส.มณีพร ผึ่งผาย มารดาผู้ตาย และให้ถือว่า น.ส.มณีพรอยู่ในฐานะผู้ร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง รวมเวลานับตั้งแต่คดีเกิดจนกระทั่งมีคำพิพากษาใช้เวลา 1 ปี 23 วัน

ล่าสุดทนายความของนายสุเทพ ได้ยื่นขอประกันตัวใช้หลักทรัพย์ 6.7 แสนบาท ศาลพิเคราะห์เห็นว่า จำเลยไม่มีแนวโน้มหลบหนี จึงให้ประกันตัว

ด้าน น.ส.มณีพร ผึ่งผาย แม่ของน้องปอนด์ และนายสหภาพ วงศ์ธรรมเจริญ พ่อน้องปอนด์  กล่าวว่า  ขอบคุณในความยุติธรรม ขณะนี้ก็ทำใจได้แล้วห ต่อไปคงจะใช้ชีวิตได้ตามปกติ