“The Predator” ครองแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศ ลุ้นหลุดเจ๊ง

2018-09-18 11:05:09

“The Predator” ครองแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศ ลุ้นหลุดเจ๊ง

Advertisement

“The Predator” ภาพยนตร์แอ็คชันไซไฟครองอันดับ 1 บนบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่รายได้ยังดูห่างไกลกับจำนวนเงินที่ลงทุนไปมาก


The Predator



โดยฟ็อกซ์ลงทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ที่นำกลับมารีเมกอีกครั้งไป 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2.87 พันล้านบาท) แต่รายได้จากการฉายในช่วงสุดสัปดาห์แรกไม่เป็นไปตามที่คาดโดยโกยมา 24 ล้านดอลลารสหรัฐ (ราว 783 ล้านบาท) โดยภาพยนตร์ที่อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์เคยแสดงนำกลายเป็นที่ถกเถียงตั้งแต่ก่อนเข้าฉายในโรงแล้ว เนื่องจากมีฉากวาบหวิวที่มีผู้เคยกระทำผิดทางเพศร่วมแสดง

โอลิเวีย มันน์ได้ร้องขอให้ตัดฉากดังกล่าวทิ้งเพราะเธอกล่าวว่าเธอไม่ทราบถึงอดีตของนักแสดงที่เธอแสดงด้วยตอนที่ถ่ายทำ ขณะที่เชน แบล็ค ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่าเขาจ้างนักแสดงชายคนนี้เพราะเป็นเพื่อนกัน แต่ออกมาขอโทษอย่างหนักภายหลัง




The Nun

“The Nun” ปีศาจสิงแม่ชีภาคขยายของ “Conjuring” ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยรายได้ 18.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 594 ล้านบาท) จากการเข้าฉายในสัปดาห์ที่ 2 ส่วนอันดับที่ 3 ตกเป็นของ “A Simple Favor” เรื่องราวเกี่ยวกับคุณแม่นักบล็อกเกอร์ (แอนนา เคนดริค) ที่สืบสวนการหายตัวไปของเพื่อน (เบลค ไลฟ์ลีย์) โกยรายได้ไป 16.1 ล้านดอลลารสหรัฐ (ราว 525 ล้านบาท) พร้อมกับเสียงวิจารณ์เชิงบวก





“White Boy Rick” ผลงานใหม่ของแมทธิว แม็กคอนนาเฮย์เปิดตัวที่อันดับที่ 4 พร้อมรายได้ 8.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 287 ล้านบาท) โดยภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงที่คุณพ่อของลูกชายวัยรุ่น (รับบทโดยแม็กคอนนาเฮย์) กลายเป็นคนส่งข่าวให้เอฟบีไอในช่วงทศวรรษที่ 1980


Crazy Rich Asians

ส่วน “Crazy Rich Asians” จากค่ายวอเนอร์บรอสเช่นเดียวกับ “The Nun” ร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 5 พร้อมรายได้ 8.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 284 ล้านบาท) โดยรวมรายได้จากการเข้าฉายหลายสัปดาห์ทำรายได้แตะเกือบ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.89 พันล้านบาท) แล้วในสหรัฐฯ และอีก 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 914 ล้านบาท) จากการฉายในประเทศอื่น ๆ




Peppermint

ภาพยนตร์อันดับที่ 6 ถึง 10 ในสัปดาห์นี้ก็มี “Peppermint” (6.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) “The Meg” (3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) “Searching” (3.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) “Unbroken: Path to Redemption” (2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และ”Mission Impossible — Fallout” (2.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)