แย่แล้ว! อังกฤษอาจเจอภาวะขาดแคลนสเปิร์ม...เพราะเบรกซิท

2018-08-26 10:25:32

แย่แล้ว! อังกฤษอาจเจอภาวะขาดแคลนสเปิร์ม...เพราะเบรกซิท

Advertisement

คู่รักชาวอังกฤษที่ต้องการมีลูกโดยใช้วิธีผสมเทียมจะเผชิญความไม่แน่นอน หากสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ อียู โดยไร้ข้อตกลง เนื่องจากจะไม่สามารถนำเข้าสเปิร์มจากประเทศต่างๆในอียูได้ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่


ภาพ AFP



ข้อแนะนำรัฐบาลที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ระบุว่า เมื่อปีที่แล้วจำนวนตัวอย่างสเปิร์มเพื่อการพาณิชย์ที่ราชอาณาจักรนำเข้าจากเดนมาร์กมีอยู่ประมาณ 3,000 ตัวอย่าง ขณะที่นำเข้าจากสหรัฐฯประมาณ 4,000 ตัวอย่าง โดย ‘ครายออส’ ธนาคารสเปิร์มในเดนมาร์ ระบุว่าตัวเองเป็นธนาคารสเปิร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรยังนำเข้าไข่จากประเทศอื่นในอียูอีกประมาณ 500 ตัวอย่างเมื่อปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน การบริจาคสเปิร์มในสหราชอาณาจักรก็ลดลงอย่างรุนแรง หลังผู้บริจาคสูญเสียสิทธิในการปกปิดชื่อจากกฎหมายที่บังคับใช้เมื่อปี 2548




ภาพ Yuriy Maksymiv / Shutterstock.com

รายงานของรัฐบาลยังระบุว่า หากการเจรจาเบรกซิทเพื่อนำสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกอียูล้มเหลว กฎหมายของอียูที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ควบคุมการนำเข้าสเปิร์ม เซลล์หรือเนื้อเยื่อก็จะไม่บังคับใช้ครอบคลุมสหราชอาณาจักรอีกต่อไป ธนาคารเพื่อการการเจริญพันธุ์จำเป็นต้องมีข้อตกลงใหม่เป็นลายลักษณ์อักษรกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอียู และนี่ส่วนใหญ่จะเป็นภาระให้กับอุตสาหกรรม


ภาพ  Christoph Burgstedt / Shutterstock.com



ด้านผู้อำนวยการคลินิกเจริญพันธุ์ฮารีย์สตรีท ที่เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาการปฏิสนธินอกร่างกายหรือเด็กหลอดแก้วให้สัมภาษณ์กับีบีซี เรดิโอ ว่าบรรดาคู่รักต่างรู้สึกตกใจ โดยระบุว่าการออกกฎหมายเปลี่ยนแปลงการนำเข้าสเปิร์มจากสหรัฐฯ หมายความว่าจะต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน ในขณะที่การนำเข้าจากเดนมาร์กปัจจุบันใช้เวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ พร้อมเตือนว่า งานด้านเอกสารต่างๆก็จะเพิ่มค่าใช้จ่ายที่อาจถูกส่งต่อไปเป็นภาระให้กับคู่รักที่ต้องการมีบุตรด้วยเช่นกัน