แม่ “เณรดิว”หวังปาฏิหาริย์ ถูกหลวงตาทำร้ายโคม่า

2018-08-20 12:50:29

แม่ “เณรดิว”หวังปาฏิหาริย์ ถูกหลวงตาทำร้ายโคม่า

Advertisement

แพทย์เผยอาการ “เณรดิว” ถูกหลวงตาทำร้ายอาการโคม่า ไม่สามารถผ่าตัดได้ รักษาด้วยยาเป็นหลัก ด้านแม่หวังปาฏิหาริย์ พร้อมให้อภัยหลวงตา ส่วนคดีว่าไปตามกฎหมาย



เมื่อวันที่ 20 ส.ค. นพ.กิตติ อินทราสุขพร รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย นพ.วสุ ศรีวสุรา ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมอง แพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยถึงอาการของสามเณรวัฒนพล สีสวัสดิ์ หรือ เณรดิว อายุ 9 ขวบ ถูกทำร้ายอาการสาหัส ว่า หลังจากได้รับตัวคนไข้มาจาก รพ.มะการักษ์คืนวันเสาร์ที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา พบว่า มีรอยฟกช้ำหลายแห่งที่ศีรษะ และลำตัว คนไข้ไม่มีสติ ไม่รู้สึกตัว โดยแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องไอซียูทันที และใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะคนไข้ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง อาการเข้าขั้นโคม่า ทั้งนี้เมื่อเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์สมอง พบว่า มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง และมีภาวะสมองช้ำอย่างรุนแรง ทำให้เกิดสมองบวมค่อนข้างมาก เป็นผลให้คนไข้ไม่รู้สึกตัว หลังจากนั้นสัญญาณชีพเปลี่ยนแปลงแย่ลงอย่างรวดเร็ว แพทย์จึงไม่สามารถทำการผ่านตัดได้ และจากการตรวจร่างกายไม่พบแผลฉีกขาดภายนอก แต่หลักๆ จะเป็นแผลฟกช้ำหลายแห่งที่ศีรษะ หน้าอก และด้านหลัง ในส่วนของการรักษานั้น แพทย์ไม่สามารถทำการผ่าตัดรักษาได้แล้ว เพราะน้องรับไม่ไหว ตอนนี้น้องอยู่ได้ด้วยยากระตุ้นหัวใจและเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจะเป็นการรักษาด้วยยาเป็นหลัก แต่ขึ้นอยู่ที่ตัวน้องว่าจะรับได้แค่ไหน



ด้าน น.ส.สุกัญญา ตุ้นฮิ้น และ นายวัฒนา สีสวัสดิ์ แม่และพ่อของเณรดิว บอกว่า ได้ให้ลูกชาย 2 คนบวชเป็นสามเณร คือ น้องดิว อายุ 9 ขวบที่ถูกทำร้าย และน้องเดย์อายุ 6 ขวบ โดยทั้งคู่บวชตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ยอมรับว่าปกติน้องดิวจะเป็นเด็กที่ดื้อมากและตนเคยตีหลายครั้ง ขณะที่บวชก็ได้บอกกับหลวงตาผู้ที่ทำร้ายลูกชายแล้วเพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือ แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำร้ายลูกชายได้ถึงขนาดนี้ เพราะมันรุนแรงเกินไป ซึ่งวันที่เกิดเหตุตกใจมากเพราะลูกชายมีสภาพศีรษะบวม ตาบวม คางแตกและไม่รู้สึกตัว ส่วนสาเหตุนั้นจากการบอกเล่าของสามเณรคนอื่นๆ บอกว่า ลูกชายถูกหลวงตาให้นั่งแช่น้ำเป็นเวลาหลายชั่วโมง ระหว่างนั่งจะมีการเรียกมาตี ก่อนที่จะให้กลับไปนั่งแช่น้ำเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังจับศีรษะของลูกกดน้ำ ทั้งยังผลักด้วยความรุนแรงจนคางกระแทกกับเสาจนคางแตก รวมถึงจับศีรษะโขกกับโต๊ะอย่างรุนแรงถึง 10 ครั้ง และมีการบอกเล่าจากผู้ปกครองของเณรคนอื่นด้วยว่า ถูกหลวงตารูปนี้ลงโทษจนป่วยด้วยเช่นกัน





น.ส.สุกัญญา กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางหลวงตาที่ทำร้ายไม่ได้ติดต่อมายังครอบครัว แต่ได้ฝากขอโทษผ่านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยบอกว่าอยากมาเยี่ยม มาขอโทษน้อง ไม่ได้ตั้งใจจะทำรุนแรงขนาดนี้ และยอมรับผิดทุกอย่างที่กระทำ ซึ่งทางครอบครัวไม่ได้มีความโกรธแค้นหลวงตา สามารถให้อภัยได้เพราะหลวงตาเป็นผู้มีพระคุณกับครอบครัวหลายครั้งด้วยการคอยช่วยเหลือให้ปัจจัย ให้ข้าวกินและหางานให้ตน แต่อย่างไรก็ตามก็ให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย

“ตอนย้ายน้องมารักษาตัว สิ่งแรกคือต้องการให้น้องผ่าตัด แต่ต้องยอมรับสภาพว่าร่างกายน้องไม่ไหวแล้ว แต่ยังไม่อยากให้น้องไป เพราะเชื่อว่าอาจจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นบ้างในสิ่งที่น้องจะเป็นอยู่ และอยากขอเวลาอีก 2 วัน หากมีปาฏิหาริย์จริง ไม่ว่าน้องจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่สามารถรับได้ทั้งนั้น แค่ขอให้น้องยังหายใจ แต่ตอนนี้ยอมรับว่ากระทันหันเกินที่จะรับรู้ว่าน้องจะไม่อยู่กับเราแล้ว”น.ส.สุกัญญา กล่าว





ด้านนายวัฒนา กล่าวว่า อยากถามอดีตหลวงตาว่าทำไมต้องทำร้ายลูกตนขนาดนี้ เข้าใจว่าลูกชายดื้อ แต่การทำร้ายถึงขั้นสาหัสแบบนี้มันรุนแรงเกินไป เพราะเคยคุยกันแล้วว่าหากดูแลไม่ไหวตนจะมารับไปเลี้ยงเอง 

อย่างไรก็ตามสามเณรดิวมีกำหนดสึกในวันที่ 20 ส.ค. แต่ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ส่วนน้องเดย์น้องชายของสามเณรดิวยังไม่มีกำหนดสึก ซึ่งพ่อกับแม่ก็อนุญาตให้บวชต่อไปเพราะตัวของน้องเดย์ บอกว่าต้องการบวชให้พี่ชาย