การเป็นหน่อเนื้อเชื้อชาติกษัตริย์นั้นต้องมีภาระอันใหญ่หลวงสูงค่ามากกว่าชีวิตของตัวเอง กับการดูแลประเทศและประชากรทั้งหมดทั้งมวล ให้อยู่ดีกินดี มีน้ำ มีอาหารสมบูรณ์สุข ซึ่งจักรพรรดิของโรมันจึงไม่มีเรื่องง่ายเลย ในการปกครองประเทศที่ไม่รู้ว่า วันใดจะมีภัยมาถึงตัว เพราะตลอดกว่า 500 ปีของโรมันเกือบ 20% ของกษัตริย์ทั้งหมด 82 คน ล้วนแต่ถูกลอบฆ่าในระหว่างครองราชย์ทั้งนั้น ...
จากการวิจัยของมหาวิทยาลัย Brock ในแคนาดา ดูเหมือนว่าที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากการที่ฝนไม่ตกเป็นเวลานาน จะทำให้ชาวไร่ชาวนาไม่สามารถส่งอาหารให้แก่กองทัพโรมันได้ ส่งผลให้เกิดความอดอยากจนอาจเกิดการก่อกบฏขึ้น

“และเมื่อมีการก่อกบฏขึ้น เหล่าผู้ที่สนับสนุนจักรพรรดิก็จะลดน้อยลง ทำให้จักรพรรดิมีโอกาสที่จะถูกลอบสังหารมากขึ้น” Cornelius Christian ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Brock กล่าว

นี่เป็นการวิจัยที่เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝนในอดีตจากซาก fossil ต้นไม้นับพัน และพบว่าในปีที่มีฝนตกน้อยในทางสถิติ และทำให้อาหารขาดแคลน จะมีโอกาสสูงที่ในปีนั้นจะมีตัวเลขการลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิบ่อยขึ้น

ตัวอย่างที่ทางมหาวิทยาลัยยกมา คือจักรพรรดิ Vitellius ผู้ที่ถูกลอบสังหารไปในปี ค.ศ. 69 ซึ่งเป็นปีที่มีฝนตกน้อย “Vitellius ได้เป็นจักรพรรดิเพราะกองทัพของเขา” Christian กล่าว “น่าเศร้ามากที่ในปีนั้นฝนแล้งพอดี ส่งผลให้กองทัพของเขาลุกฮือขึ้น และสุดท้ายเขาก็ถูกลอบสังหาร”

แม้ว่าการวิจัยในครั้งนี้จะไม่สามารถใช้ได้กับการลอบสังหารทุกครั้ง เนื่องจากการที่คนคนหนึ่งจะถูกลอบสังหารนั้นจำเป็นต้องมีเหตุผลประกอบหลายอย่าง แต่งานวิจัยในครั้งนี้ก็วางรากฐานที่ดีให้กับสมมุติฐานการลอบสังหารเนื่องจากฝนแล้ง

สมมติฐานนี้หมายความว่าธรรมชาตินั้นส่งผลโดยตรงกับการปกครองของมนุษย์ในอดีต เพราะนอกจากที่โรมันแล้ว สมมุติฐานที่ว่ายังอาจนำไปใช้ได้กับเหตุการณ์อื่น เช่น การล่มสลายของราชวงศ์ในอียิปต์ได้อีกด้วย

“สำหรับผมแล้ว สมมติฐานการลอบสังหารเนื่องจากฝนแล้ง จะช่วยเพิ่มระดับความเข้าใจในประวัติศาสตร์การปกครองของโรมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่สามของการปกครองแล้วด้วย” Christian กล่าว


ที่มา : livescience, sciencedirect




