รัฐบาลจีน ปฏิเสธไม่มี “ค่ายกักกัน” ชาวมุสลิมอุยกูร์อย่างที่เป็นข่าว ระหว่างการชี้แจงต่อที่ประชุมยูเอ็นในเจนีวา
รัฐบาลจีน ยืนยันเมื่อวานนี้ว่า “ศูนย์กักกันตามอำเภอใจ” หรือ “ศูนย์ล้างสมอง” ที่ใช้ควบคุมตัวชาวมุสลิมอุยกูร์นับล้านคนในมณฑลซินเจียง ตะวันตกไกลของจีน ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง และไม่ได้มีอยู่จริง ปฏิเสธความกังวลที่หยิบยกขึ้นมาโดยคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ที่ว่า มีชาวอุยกูร์ ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมนับล้านคนอาจถูกคุมขังอยู่ในค่ายดังกล่าว โดยจีนได้ตอบคำถามในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการยูเอ็นว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังสมาชิกคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการชุดนี้ อ้างเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีประชาชนกว่า 1 ล้านคนจากชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในอุยกูร์และชาวมุสลิมอื่น ๆ กำลังถูกควบคุมตัวอยู่ใน “ศูนย์ปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนา” และอีก 2 ล้านคนถูกบังคับให้เข้า “ค่ายล้างสมอง”
เจ้าหน้าที่ของจีน กล่าวว่า ชาวอุยกูร์ มีสิทธิอย่างเต็มที่ แต่ผู้ที่ถูกหลอกให้หลงเชื่อโดยกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งทางศาสนานั้น จะได้รับความช่วยเหลือในการหาที่อยู่อาศัยใหม่ให้และให้การศึกษาใหม่ด้วย การปฏิเสธจากปักกิ่งต่อที่ประชุมยูเอ็นในเจนีวา มีขึ้นเพื่อตอบสนองความวิตกกังวลที่ว่า ภูมิภาคนี้ กลายสภาพเป็นเหมือนค่ายกักกันขนาดใหญ่
มณฑลซินเจียงเกิดความรุนแรงบ่อยครั้ง หลังการกวาดล้างเป็นเวลาหลายปีของทางการจีน ซึ่งจีนกล่าวหากลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนาและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอยู่เบื้องความความรุนแรงดังกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า ในมณฑลซินเจียง หลังจากเกิดความรุนแรงต่อเนื่องจากการโจมตีของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิม ก็มีสมาชิกของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์และคาซัค จำนวนหลายหมื่นคน ถูกควบคุมตัวโดยพลการไว้ในค่ายล้างสมอง ซึ่งในค่ายแห่งนี้ พวกเขาจะถูกบังคับให้ประณามศาสนาตนเอง และปฏิญาณตนจงรักภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน