คุมตัว “บูม จิรัชพิสิษฐ์”ฝากขัง

2018-08-10 12:40:56

คุมตัว “บูม จิรัชพิสิษฐ์”ฝากขัง

Advertisement

พนักงานสอบสวนกองปราบปราม คุมตัว “บูม จิรัชพิสิษฐ์”ฝากขังศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง เกรงว่าอาจหลบหนี ด้านกองปราบชี้เซียนหุ้นชื่อดังอาจโดนข้อหาร่วมฉ้อโกง เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 5-6 ราย



เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ส.ค.พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้คุมตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม อายุ 27 ปี ดารานักแสดง ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานร่วมกันฟอกเงิน ไปขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง หากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาอาจหลบหนี อีกทั้งยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน โดยคดีนี้ผู้เสียหายชาวฟินแลนด์ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. ว่าถูกฉ้อโกง โดยนายจิรัชพิสิษฐ์ คือ 1 ใน 3 ที่ถูกออกหมายจับ พร้อมนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายและ น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาว



พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. กล่าวว่า พี่สาวของนายบูมได้ให้คนอื่นติดต่อเข้ามาว่าถ้ามอบตัวจะใช้หลักทรัพย์อะไรประกันตัว แต่ไม่ได้กำหนดวันเวลา เพียงแต่สอบถามเมื่อเข้ามอบตัวกระบวนการจะเป็นอย่างไร จากข้อมูล ณ ตอนนี้พี่สาวของนายบูมยังอยู่ในประเทศ เมื่อถามว่าในส่วนของเซียนหุ้นที่เข้าพบเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ผบก.ป. กล่าวว่า เขาก็อยากมาชี้แจงในส่วนของเขาว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เขาก็ให้รายละเอียดเบื้องต้นว่า ตัวการหลักน่าจะเป็นพี่ชายบูม ส่วนตัวเขาเป็นเหยื่อด้วยซ้ำ เราก็ฟังไว้ ส่วนการดำเนินการกับเขาอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน





ด้าน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. กล่าวว่า เซียนหุ้นน่าจะมีส่วนร่วมกระทำผิดด้วยในข้อหาฉ้อโกง ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ซึ่งผู้กระทำผิดไม่ใช่แค่ นายบูม พี่ชาย และพี่สาว เท่านั้น แต่มีคนอื่นที่นำเงินไปหมุนในครอบครัวตัวเอง เบื้องต้นพบประมาณ 5-6 ราย เตรียมออกหมายจับเพิ่มเติมในข้อหาฉ้อโกงต่อไป



“ตัวการหลักคือนายปริญญา พี่ชายของนายบูม แอบไปทำธุรกรรมในนามของบุคคลอื่น นายปริญญาเคยมีประวัติไปฉ้อโกงและถูกออกหมายจับมาแล้วที่ สน.วัดพระยาไกร สำหรับเซียนหุ้นพยายามอ้างว่าเป็นเหยื่อเหมือนกัน พยายามบอกว่าถูกหลอกเหมือนกัน อย่างไรก็ตามพฤติกรรมผู้กระทำผิดกลุ่มนี้อ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนในบริษัท ทำพวกซื้อขาย ตัวกลางแลกเปลี่ยนเงิน ทำเหรียญดราก้อนคอยต์ และเจ้าของอยู่ใต้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบว่า มี 3-4 บริษัทที่เพิ่งสร้างขึ้นมาที่ฮองกงและประเทศไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้ชาวต่างชาติสนใจ โดยเครือพี่น้องเขาร่วมสร้างขึ้นมา