เกาะลอมบอก ของอินโดนีเซีย เผชิญแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบไม่ถึง 2 สัปดาห์เมื่อวานนี้ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตของทางการจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่า 300 รายแล้ว
สำนักงานธรณีวิทยาของอินโดนีเซีย แถลงว่า อาฟเตอร์ช็อกรุนแรง ซึ่งวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.9 โดยสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ หรือยูเอสจีเอสเมื่อวานนี้ สร้างความตื่นตระหนก, อาคารบ้านเรือนหลายหลังพังถล่มซ้ำ, ดินโคลนถล่มและมีผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย โดยมีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะลอมบอก ขณะที่ นายสุโตโป ปูร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า อาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้ ยิ่งทำให้เกิดความตื่นตระหนกมากขึ้น และยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องเกือบ 400 ครั้งแล้ว
ส่วนวิรันโต รัฐมนตรีความมั่นคงของอินโดนีเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากแผ่นดินไหวขนาด 7.0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 319 ราย การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขตัวเลขที่หน่วยงานของรัฐรายงานแตกต่างไปคนละทิศละทาง
นายนูโกรโฮ ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงค้นหาเหยื่อใต้ซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือนที่พังถล่ม และมีเหยื่ออีกส่วนหนึ่งที่ถูกฝังไปแล้ว ไม่ได้นับรวมด้วย นอกจากนี้ ตัวเลขล่าสุด พบว่า มีบ้านเรือนประชาชนเกือบ 68,000 หลังได้รับความเสียหายบางส่วนหรือทั้งหมดจากแผ่นดินไหวเมื่อวันอาทิตย์ และไร้ที่อยู่อาศัยอีก 270,000 คน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็เกิดแผ่นดินไหวบนเกาะลอมบอกมาแล้ว มีผู้เสียชีวิต 16 ราย
ทั้งนี้ อินโดนีเซีย เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง เพราะตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” (Ring of Fire) ซึ่งเป็นแผ่นรอยเลื่อนของเปลือกโลกในแอ่งมหาสมุทรแปซิฟิก โดยในเดือนธันวาคม 2547 เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.1 นอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา ทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าฝั่งในหลายสิบประเทศ มีผู้เสียชีวิต 230,000 ราย
