สดร.ชวนชม “ฝนดาวตกวันแม่”

2018-08-08 22:25:37

สดร.ชวนชม “ฝนดาวตกวันแม่”

Advertisement

สดร.ชวนคนไทยลุ้นชม “ฝนดาวตกวันแม่” หลังเที่ยงคืนวันที่ 12 ส.ค.ถึงเช้า 13 ส.ค. หากฟ้าใสไร้ฝน ชมตาเปล่าได้ทั่วประเทศ คาดมีอัตราการตกสูงสุดที่ 110 ดวงต่อชั่วโมง

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร.กระทรวงวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ในคืนวันที่ 12-13 ส.ค. นี้  จะเกิดปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์” หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “ฝนดาวตกวันแม่” คาดว่าปีนี้มีอัตราการตกสูงสุดเฉลี่ย 110 ดวงต่อชั่วโมง มีศูนย์กลางการกระจายอยู่บริเวณกลุ่มดาวเพอร์เซอัส สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 12 ส.ค. เวลา 03.00 น. จนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 13 ส.ค.  



นายศุภฤกษ์ กล่าวต่อว่า คืนดังกล่าวยังตรงกับดวงจันทร์ขึ้น 1 ค่ำ ส่งผลให้ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์รบกวน เหมาะสำหรับการสังเกตการณ์ฝนดาวตกเป็นอย่างยิ่ง หากฟ้าใสปลอดเมฆ สามารถดูด้วยตาเปล่าได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย และควรเลือกสถานที่ที่โล่งแจ้ง ท้องฟ้ามืดสนิทปราศจากแสงไฟรบกวน จะสังเกตเห็นดาวตกที่มีความสว่างและสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจมาก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยสังเกตการณ์ใดๆ สามารถดูได้ด้วยตาเปล่า การชมฝนดาวตกให้สบายที่สุดนั้น อาจใช้วิธีนอนรอชม หรือนั่งบนเก้าอี้ที่สามารถเอนนอนได้ ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในประเทศแถบซีกโลกเหนือ เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวเป็นช่วงฤดูร้อน ส่วนในประเทศไทยตรงกับช่วงฤดูฝน จึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสังเกตการณ์




นายศุภฤกษ์ กล่าวด้วยว่า ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์เกิดจากเศษฝุ่นละอองที่ดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล เหลือทิ้งไว้ในวงโคจรเมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อโลกโคจรตัดผ่านเข้าไปในบริเวณที่มีเศษฝุ่นดังกล่าว จะดึงดูดเศษฝุ่นเหล่านี้เข้ามาในชั้นบรรยากาศ เกิดการลุกไหม้ เป็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์เป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างเป็นอันดับ 2 รองจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ มีสีสันสวยงาม สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงระหว่างวันที่ 17ก.ค. - 24 ส.ค.ของทุกปี โดยในช่วงประมาณวันที่ 12 - 13 ส.ค. จะเป็นช่วงที่เกิดฝนดาวตกมากที่สุด ชาวไทยนิยมเรียกฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ว่า “ฝนดาวตกวันแม่” เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์ในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และวันแม่แห่งชาติ



สำหรับผู้สนใจถ่ายภาพฝนดาวตก นายศุภฤกษ์แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ตามดาว และเลือกวิธีถ่ายภาพแบบต่อเนื่องหลายชั่วโมง เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์การกระจายตัวของดาวตกได้ นอกจากนี้ ควรใช้เลนส์มุมกว้าง ตั้งค่าความไวแสงสูง และเปิดรูรับแสงกว้างสุด เพื่อให้กล้องเก็บเส้นแสงของดาวตกได้ดีที่สุด นอกจากนี้ศูนย์กลางการกระจายอยู่ใกล้กับแนวทางช้างเผือก และวัตถุท้องฟ้าในห้วงอวกาศลึก อาทิ กระจุกดาวคู่ และกาแล็กซีแอนโดรเมดา จึงเป็นคืนพิเศษสำหรับผู้ชื่นชอบถ่ายภาพดาราศาสตร์อีกด้วย




นายศุภฤกษ์ กล่าวว่า เนื่องจากในช่วงนี้พื้นประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในช่วงฤดูฝน จึงต้องลุ้นกับสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ ยกเว้นบริเวณภาคใต้ตอนล่างซึ่งฝนตกค่อนข้างน้อย จึงนับเป็นโอกาสดีสำหรับของชาวใต้ที่จะได้ชื่นชมความสวยงามของฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ได้ดีกว่าภูมิภาคอื่น สำหรับการสังเกตการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์นั้นต้องรอถึงช่วงหลังเที่ยงคืน อย่างไรก็ตามในช่วงหัวค่ำยังมีดาวเคราะห์ที่น่าสนใจให้ชมกันมากมาย ทั้งดาวศุกร์ที่สุกสว่างทางทิศตะวันตกในช่วงหัวค่ำ ดาวอังคารสีส้มแดงสว่างชัดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังคงอยู่ในช่วงใกล้โลก ดาวเสาร์ และดาวพฤหัสบดี สดร. จึงจัดกิจกรรมพิเศษในช่วงค่ำให้คนไทยชมวัตถุท้องฟ้าอย่างเต็มอิ่ม เพื่อรอชมฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ในคืนวันที่ 12 ส.ค. 2561 ตั้งแต่เวลา 18:00 – 24:00 น. ดังนี้ 1.นครราชสีมา หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา โทร. 086-4291489 2.ฉะเชิงเทรา หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา โทร. 084-0882264 3.สงขลา ลานชมวิวนางเงือก หาดสมิหลา จ.สงขลา โทร. 095-1450411 เชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/NARITpage