นักวิจัยเตือนว่าโลกของเราต้องเปลี่ยนมาเป็นเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน เพราะมลพิษจากการใช้เชื้อเพลิงจากการทับถมของซากดึกดำบรรพ์เสี่ยงทำให้โลกกลายเป็น “เรือนกระจกร้อน”
ภาพ AFP
นักวิทยาศาสตร์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences กล่าวว่าหากน้ำแข็งที่ขั้วโลกยังคงละลาย ป่าไม้ถูกทำลายและก๊าซเรือนกระจกก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่อย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ โลกก็จะเดินหน้าเลยจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดผลกระทบยิ่งใหญ่
โดยหากข้ามเส้นแบ่งนั้นไปแล้ว ก็รับรองได้เลยว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นมากกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมอีก 4-6 องศาเซลเซียส และระดับน้ำทะเลก็จะสูงกว่าปัจจุบันอีก 10 ถึง 60 เมตร ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเกิดขึ้นภายในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า
แล้วอะไรคือ “โลกเรือนกระจกร้อน” (Hothouse Earth) บทความของบรรดานักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน มหาวิยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียและสถาบันวิจัยผลกระทบจากสภาพอากาศพ็อตส์ดามในเยอรมนีกล่าวว่า “โลกเรือนกระจกร้อนจะเป็นอันตรายที่ควบคุมไม่ได้สำหรับคนจำนวนมาก” น้ำในแม่น้ำจะท่วมสูง จะมีพายุใหญ่พัดทำลายชุมชนชายฝั่งและปะการังก็จะถูกจำกัดไปสิ้นซากเมื่อสิ้นศตวรรษนี้ หรืออาจเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
ภาพ Sander van der Werf / Shutterstock.com
โจฮัน ร็อคสตอร์ม ผู้ร่วมเขียนวิจัยและประธานศูนย์เพื่อการฟื้นคืนสภาพเดิมสต็อคโฮล์ม (Stockholm Resilience Centre) กล่าวว่า “พื้นที่หลายแห่งบนโลกจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้หาก “โลกเรือนกระจกร้อน” เกิดขึ้นจริง”
วิธีการหยุดยั้งคือคนต้องเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตให้หันมาดูแลโลกมากขึ้น เชื้อเพลิงจากการทับถมของซากดึกดำบรรพ์ต้องแทนที่ด้วยพลังงานที่ไม่ปล่อยมลพิษหรือปล่อยในระดับต่ำ และควรมีวิธิเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกมามากขึ้น อย่างเช่น หยุดการตัดไม้ทำลายป่า และปลูกต้นไม้ เป็นต้น
นักวิจัยกล่าวว่าจุดเปลี่ยนคือเมื่ออุณหภูมิโลกร้อนขึ้น 2 องศาจากยุคก่อนอุตสาหกรรม โดยตอนนี้โลกร้อนขึ้น 1 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งตอนนี้โลกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ 0.17 องศาเซลเซียสทุกสิบปี