“บิ๊กฉัตร” นำทีมติดตามสถานการณ์น้ำ จ.เพชรบุรี

2018-08-06 18:05:20

“บิ๊กฉัตร” นำทีมติดตามสถานการณ์น้ำ จ.เพชรบุรี

Advertisement

รองนายกฯ ฉัตรชัย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ จ.เพชรบุรี สั่งเร่งพร่องน้ำในลำน้ำรองรับน้ำใหม่ พร้อมระดมเครื่องผลักดันน้ำ/เครื่องสูบน้ำ ผันน้ำออกระบบชลประทาน หน่วงน้ำไม่ให้ลงแม่น้ำเพชรบุรี โดยเฉพาะไม่ให้ผ่านตัวเมืองเพชรบุรี เสริมคันกั้นน้ำลุ่มต่ำ และ จำกัดพื้นที่น้ำท่วมให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด



เมื่อวันที่ 6 ส.ค. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีรมชลประทาน รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์การระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน กำกับการดำเนินการของหน่วยที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนงานที่เตรียมไว้ พร้อมเพิ่มเติมมาตรการต่างๆ ให้เกิดความสมบุรณ์และลดผลกระทบที่เกิดกับประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด






โดยจุดแรกคณะได้เดินทางไปยังห้องประชุมอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เพื่อฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การเตรียมความพร้อมของจังหวัด โดย นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ภาพรวมสถานการณ์น้ำปัจจุบัน โดย นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน (ชป.) และรองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานการเตรียมความพร้อมในการบรรเทาสาธารณภัยให้กับประชาชน จากนั้นคณะได้เดินทางต่อไปยังเขื่อนแก่งกระจาน เพื่อติตามการตรวจระดับน้ำเขื่อนเก็บน้ำแก่งกระจาน ก่อนขึ้น ฮ. ตรวจสภาพพื้นที่/แม่น้ำเพชรบุรีทางอากาศ และเดินทางต่อไปยังคันกั้นน้ำเพชรบุรีบริเวณ มทบ.15 เพื่อตรวจคันกั้นน้ำ การติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ และ การเตรียมการช่วยเหลือ ตรวจการคาดการณ์ระดับน้ำ และพบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติงานเพื่อเตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชนกรณีประสบภัย





ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้คาดการณ์น้ำที่ไหลผ่าน Spillway สูงสุดที่ 100 ลบ.ม./วินาที หรือ 8.64 ล้าน ลบ.ม./วัน ในวันที่ 10 ส.ค. 61 โดยมีระดับน้ำสูงขึ้นจากสัน Spillway ประมาณ 0.5 - 0.6 ม.ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 61 เป็นต้นไป คาดว่าจะมีน้ำจากการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ประมาณ 210 ลบ.ม./วินาที และ หากมีฝนตกในพื้นที่แม่น้ำเพชรบุรี จะมีปริมาณน้ำ 230 - 250 ลบ.ม./วินาที คาดว่าจะทำให้แม่น้ำเพชรบุรีมีปริมาณน้ำผ่านสูงสุดในวันที่ 12 ส.ค. 61 การบริหารจัดการน้ำ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 230 - 250 ลบ.ม./วินาที ประกอบด้วย 1. หน่วงน้ำ/ตัดน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งซ้าย/ฝั่งขวา รวม 55 ลบ.ม./วินาที และ ผันเข้าคลองระบาย D9 ในอัตรา 35 ลบ.ม./วินาที ทั้งสองส่วนตัดน้ำก่อนถึงเขื่อนเพชรได้ 90 ลบ.ม./วินาที 2. ระบายน้ำผ่านเขื่อนเพชรในอัตรา 140 - 160 ลบ.ม./วินาที ซึ่งแม่น้ำเพชรบุรีมีการพร่องน้ำเตรียมไว้แล้ว ประกอบกับการเสริมคันกั้นน้ำ จะไหลผ่านหนองหญ้าปล้อง ท่ายาง บ้านลาด โดยไม่มีผลกระทบ และจะไหลผ่านเมืองเพชรบุรี ซึ่งมีความกว้างของแม่น้ำเพชรบุรีไม่มาก ทำให้มีระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมตลิ่ง/พื้นที่ชุมชน 0.2 - 0.3 ม.





สำหรับมาตรการเตรียมการช่วยเหลือ คือ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยงที่อาจจะมีน้ำเอ่อเข้าท่วมชุมชน จำนวน 30 เครื่อง ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีเพื่อเร่งระบายน้ำในจุดที่ระบายน้ำได้ช้า จำนวน 44 เครื่อง เตรียมยานพาหนะ/เครื่องจักรกล เช่น รถโกยตัก จำนวน 7 คัน ประจำในพื้นที่เพื่อขุดเปิดทางน้ำ



ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขา สทนช. เปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบพื้นทื่ท้ายน้ำ โดยเร่งพร่องน้ำในลำน้ำต่างๆ เพื่อรองรับน้ำใหม่ โดยระดมเครื่องผลักดันน้ำ/เครื่องสูบน้ำ ผันน้ำออกระบบชลประทาน หน่วงน้ำไม่ให้ลงแม่น้ำเพชรบุรี โดยเฉพาะไม่ให้ผ่านตัวเมืองเพชรบุรี เสริมคันกั้นน้ำลุ่มต่ำ และ จำกัดพื้นที่น้ำท่วมให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด และแจ้งเตือน ทำความเข้าใจ ไม่ให้ตระหนก และ พร้อมให้การช่วยเหลือในทันที โดยสทนช. พร้อมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเกิดจากการติดตาม การคาดการณ์ การวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการทุกหน่วยงาน มีการทำงานอย่างเป็นระบบ