“เสี่ยอ้วน” ยังลอยนวล เป็นเหตุพ่อค้าแม่ค้าหวาดผวาหวั่นโดนตามเก็บ หลังชักแถวให้ปากคำพยาน
เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รายงานถึงความคืบหน้าคดียิง 2 ศพ คู่รัก คือ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือน้องสปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือน้องฟอส อายุ 21 ปี เสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหด เบื้องหน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี ผู้บงการฆ่า และเป็นมือลั่นไกสังหาร โดยมีลูกน้องร่วมทีมอีก 5 คน เบื้องต้นสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้แล้ว 4 ราย คือ นายสายันต์ ศรีสุข อายุ 43 ปี คนชี้เป้า นายเกียรติศักดิ์ หรือบอล สุรางค์แสงมีบุญ อายุ 35 ปี รับเงินค่าจ้างจากเสี่ยอ้วน 1 แสนบาท ทำหน้าที่ขับ รถปิคอัพ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บท-3631 ภูเก็ต พาเสี่ยอ้วนหลบหนี และนำอาวุธปืน 4 กระบอก ไปทิ้งในพงหญ้าใกล้สถานีรถไฟตำบลพลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือป๊อปปี้ อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ขับรถเก๋ง โตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 1กฎ-9490 กรุงเทพมหานคร เช่าจากพัทยา ใช้ในการคุ้มกันและประกบติดตาม รถแวน INNOVA สีขาว ทะเบียน ฎง-9641 กรุงเทพมหานคร ที่ผู้ตายเช่าเหมามาเที่ยวในวันเกิดเหตุ และนายกฤษณะ หรือมด สีสุข อายุ 22 ปี คนขับรถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน กล-9444 ภูเก็ต ที่ใช้ก่อเหตุ
และด้วยเหตุที่ขณะนี้ ทางตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี ผู้บงการฆ่า และเป็นมือลั่นไก และนายณรงค์ หรือบ่าว วรินทรเวช อายุ 22 ปี มือลั่นไก ทำให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่เห็นเหตุการณ์ และได้เข้าให้ปากคำกับทางตำรวจ ต่างพากันหวาดผวา หวั่นเกรงว่า “เสี่ยอ้วน” และลูกน้องจะตามมาล้างแค้น หลังให้การเป็นพยานในคดีนี้
ด้านลุงผ่ำ อายุ 55 ปี พ่อค้าขายส้มตำ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าที่ตำรวจได้เรียกพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าอยู่ในละแวกดังกล่าว ไปให้ปากคำเพื่อเป็นพยานหลักฐานในการจับกุมคนร้าย ซึ่งขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมเสี่ยอ้วนและนายบ่าว ลูกน้องที่เป็นคนลั่นไกสังหาร และเป็นผู้บงการฆ่าได้ ทำให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันหวาดกลัว เกรงว่าเสี่ยจะตามมาล้างแค้น จึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รีบจับตัวเสี่ยอ้วน ให้ได้ในเร็ววัน
นอกจากนี้ กลุ่มร้านค้ายังต้องพบกับวิกฤตปัญหา นักท่องเที่ยวซบเซา เนื่องจากข่าวแพร่สะพัดออกไป ทำให้ไม่มีรถทัวร์นักท่องเที่ยว กล้าเข้ามาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ พากันไปจอดบริเวณอื่นที่อยู่ห่างไกล เนื่องจากพากันหวาดกลัวไปต่างๆนานา