คุมตัวแล้ว! จนท.สำนักพุทธฯ คดีเงินทอนวัด

2018-08-01 14:00:45

คุมตัวแล้ว! จนท.สำนักพุทธฯ คดีเงินทอนวัด

Advertisement

ตำรวจกองปราบคุมตัว “พนม ศรศิลป์” อดีตเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ พร้อมอีก 9 ผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัดมากองปราบ


พนม ศรศิลป์



เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ตำรวจกองปราบคุมตัวผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดมาที่กองบังคับการปราบ เพื่อสอบปากคำ หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 10 คน เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีเงินทอนวัด ประกอบไปด้วย

1. นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ



2. นายแก้ว ชิดตะขบ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสงคราม

3. นางสาวประนอม คงพิกุล อดีตรองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

4. นายณรงค์เดช ชัยเนตร ขอนแก่น ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สิงห์บุรี

5. นายชยพล พงษ์สีดา อุบลราชธานี รองสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ





6. นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีตผอ.ส่วนบรูณะพัฒนาวัด

7. นายบุญเลิศ โสภา อดีตผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ลำปาง



8. นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีตพศ.จ.นครปฐม

9. นางพรเพ็ญ กิติธรางกูร ผอ.กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร

10. นายเจษฎา วงศ์เฆม ธุรกิจส่วนตัว/รับเหมา

สำหรับข้อหาที่ทั้ง 10 คนถูกตั้งประกอบไปด้วย ข้อหาตาม มาตรา 157 ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำนวน 9 คน และอีก 1 คน มีความผิดในข้อหา สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด





ล่าสุดตำรวจกองปราบควบคุมตัวมาแล้ว 6 คน ประกอบไปด้วย นายพนม ศรศิลป์, นายแก้ว ชิดตะขบ, นายบุญเลิศ โสภา, นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี, นางพรเพ็ญ กิติธรางกูร /นายชยพล พงษ์สีดา

ส่วนอีก 3 คน คือ นางสาวประนอม คงพิกุล อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พบว่าเดินทางออกนอกประเทศ ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังไม่เดินทางกลับมาในไทย ส่วน นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีตผู้อำนวยการส่วนบรูณะพัฒนาวัด และ นายเจษฎา วงศ์เฆม ธุรกิจส่วนตัว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างนำหมายค้นเข้าควบคุมตัว



สำหรับการจับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในคดีทุจริตเงินทอนวัด เนื่องจากก่อนหน้านี้เป็นเพียงการออกหมายเรียกให้เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ปปป. เพื่อประกอบการพิจารณาคดีเท่านั้น โดยหมายจับที่ศาลอนุมัติในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีบางรายที่ไม่ใช่ข้าราชการ จะถูกดำเนินคดีฐานให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนขั้นตอนในขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยพบว่าบางราย(ผอ.พนม) มีความผิดที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 5 คดี ซึ่งต้องแยกดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ