การฉลองแชมป์เวิลด์คัพ สมัยที่ 2 ของฝรั่งเศส กลายเป็นความรุนแรงมีการปะทะกันระหว่างแฟนบอลอันธพาลกับตำรวจปราบจลาจล ส่วนทีมชาติฝรั่งเศส ขึ้นรถแห่ถ้วยแชมป์บอลโลก ท่ามกลางการต้อนรับของแฟนบอลหลายแสนคนใจกลางกรุงปารีส
การเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความสุข หลังทีมชาติฝรั่งเศสผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นสมัยที่ 2 แปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงในช่วงเย็นและกลางคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในกรุงปารีส เพราะมีแฟนบอลอันธพาลจำนวนหนึ่งขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ตำรวจปราบจลาจล ซึ่งก็ตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ โดยมีแฟนบอลชาวฝรั่งเศส พากันหลั่งไหลเข้าสู่ถนนชองป์ เอลิเซ่ หลังจากทีม “เลส์ เบลอส์” เอาชนะทีมชาติโครเอเชียไปได้ 4-2 ในนัดชิงเวิลด์คัพ ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แฟนบอลพากันเต้นและตะโกนไปตามท้องถนนหลายสาย ราวกับเทศกาลรื่นเริง ก่อนกลายเป็นความรุนแรง
แฟนบอลอันธพาลได้ทำลายรถยนต์หลายคันที่จอดอยู่ใกล้ “แฟนโซน” ที่จัดไว้สำหรับแฟนบอล บริเวณหอไอเฟล รัฐบาลฝรั่งเศสต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงประมาณ 110,000 นาย ดูแลความเรียบร้อยในวันชาติ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา และในวันสุดท้ายของเวิลด์คัพในวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม
ส่วนทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อเดินทางกลับถึงสนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ในกรุงปารีส พวกเขาก็ขึ้นรถบัส แห่ไปตามถนนชองป์ เอลิเซ่ เมื่อวานนี้ ท่ามกลางแฟนบอลให้การต้อนรับหลายแสนคน โดยนักฟุตบอลทีมตราไก่ ได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษจากแฟนบอลที่รอต้อนรับ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปยังทำเนียบประธานาธิบดีเอลิเซ ซึ่งก็มีประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ต้อนรับ นอกจากนี้ นายมาครงและนางบริดจิตต์ ภริยา ก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในสวน “การ์เดน ปาร์ตี” ซึ่งเริ่มต้นด้วยการร้องเพลงชาติร่วมกันที่บริเวณบันไดทำเนียบประธานาธิบดี นักเตะชุดแชมป์โลกสมัยที่ 2 ยังมีกำหนดเข้ารับเครื่องอิสริยาภรณ์ “เลฌียงดอเนอร์” ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับผู้ที่สร้างประโยชน์ให้ประเทศ
ส่วนทีมชาติโครเอเชีย แม้จะได้อันดับ 2 ก็มีแฟนบอลชาวโครแอตกว่า 3 แสนคน สวมเสื้อตราหมากรุก แดง-ขาว หลั่งไหลออกมาตามท้องถนนในกรุงซาเกร็บ เมืองหลวงโครเอเชียเมื่อวานนี้ เพื่อต้อนรับฮีโร่ของพวกเขากลับบ้าน หลังเข้าร่วมการแข่งขันในศึกเวิลด์คัพที่รัสเซีย แม้ว่าจะพ่ายแพ้ให้กับทีมฝรั่งเศส แต่โครเอเชียก็ประสบความสำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์ได้ผลดีที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลกตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขัน หลังจากที่ เคยได้อันดับที่ 3 เมื่อ 20 ปีก่อนที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ
หนังสือพิมพ์จูตาร์นจี ลิสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของโครเอเชีย พาดหัวว่า “พวกเขาแพ้ในนัดสุดท้าย แต่ก็ได้ใจชาวโลก” ซึ่งความสำเร็จของทีมในทัวร์นาเมนต์นี้ ก็ทำให้ประชาชน 4 ล้านคนของโครเอเชีย มีความสุขและได้ฉลองกัน โดยมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ตั้งแต่วินาทีที่เครื่องบินลงจอดใกล้สนามบินกรุงซาเกร็บ
