ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วยผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว ที่ท่าเทียบเรือรัษฎา เพื่อจัดระเบียบสร้างมาตรฐานความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางน้ำ
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ท่าเทียบเรือรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พลเรือโทสมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3, นางศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต,นายสาคร ปู่ดำ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบท่าเทียบเรือรัษฎา เพื่อตรวจสอบระบบการบริหารจัดการขึ้น-ลง ท่าเทียบเรือของผู้ประกอบการเรือโดยสาร และเรือท่องเที่ยว ตลอดจนการตรวจสอบท่าเทียบเรือรัษฎาในการตรวจสอบรายชื่อ จำนวนผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว รวมถึงลูกเรือ ที่ออกเดินทางไปยังเกาะแก่งต่างๆ ก่อนที่จะทำการปล่อยเรือ ซึ่งที่ท่าเทียบเรือรัษฎา แห่งนี้ ได้มีการนำระบบคีย์การ์ด มาใช้ในการตรวจสอบจำนวนผู้โดยสารที่ขึ้น-ลงเรือ ในแต่ละเที่ยว และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของผู้โดยสารและลูกเรือที่จะลงเรือในแต่ละเที่ยว
นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต กล่าวว่า จากเหตุการณ์เรือล่มเมื่อวันที่ 5 ก.ค.2561 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เข้าสู่วันที่ 11 แล้ว วันนี้ตนพร้อมด้วย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ได้เดินทางมายังท่าเทียบเรือรัษฎา เพื่อต้องการมาดูข้อมูลการเข้า การลงเรือ การกลับขึ้นฝั่ง และกระบวนการปฏิบัติในการลงเรือข้ามฟาก ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ ว่ามีวิธีการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว แต่ขั้นตอนในการประสานข้อมูลระหว่างต้นทางกับปลายทาง ยังไม่มีการยืนยันและประสานงานกัน ทั้งนี้ทางจังหวัด พร้อมด้วยทัพเรือภาคที่ 3 ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยขณะนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่ทหารเรือ เข้ามาร่วมปฏิบัติงานในท่าเทียบเรือหลักๆ พร้อมทั้งจะนำข้อมูลเหล่านี้ ไปประชุมร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรในการสร้างมาตรฐาน เนื่องจากเรือมีหลายประเภท สำหรับปัญหาในขณะนี้ คือ การมีท่าเทียบเรือจำกัด ซึ่งตรงนี้จะต้องหารือร่วมกันว่าจะมีการระบบจัดการอย่างไร
ด้าน พลเรือโทสมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพเรือ ขณะนี้ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ในการดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยได้มีการจัดเรือใน ศรชล.เขต 3 รวมทั้งเรือของกองทัพเรือ ร่วมกันลาดตระเวน และอยู่ในบริเวณที่มีนักท่องเที่ยว เพื่อแจ้งเตือนภัยให้กับเรือที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ ให้กลับเข้าฝั่งก่อนจะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
จากการตรวจสอบท่าเทียบเรือ ในส่วนของปัญหาที่พบ คือ เนื่องจากเรือมีหลายประเภท รวมทั้งจำนวนไกด์ ของเรือแต่ละลำมีจำนวนไม่เท่ากัน ซึ่งจะต้องมีการกำหนดมาตรฐาน เรื่องไกด์ที่จะควบคุมดูแลนักท่องเที่ยว เพื่อให้สามารถดูแลนักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึงในการอำนวยความสะดวกหรือสาธิตวิธีการปฏิบัติตน และคอยแนะนำหากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งไกด์หรือล่าม มีความจำเป็นมากสำหรับนักท่องเที่ยว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการประชุมร่วมกันในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมาย และกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันให้เกิดประโยชน์และความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่อไป สำหรับมาตรการเร่งด่วนในขณะนี้ จะมีการใช้อำนาจของ ผวจ.ภูเก็ต ในการปกครองดำเนินการไปก่อนชั่วคราว ในการที่จะขอความร่วมมือหรือสั่งการในเรื่องต่าง ๆ โดยมีตนเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ในขั้นต้นอำนาจใดที่ผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถดำเนินการได้ก็จะดำเนินการไปก่อนในเฉพาะกิจ ทั้งนี้ในการตรวจสอบท่าเทียบเรือ จะมีการประสานกับเจ้าหน้าสำนักงานภูมิภาคสาขาภูเก็ต ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานโดยตรง ซึ่งหากเห็นว่าไม่ปลอดภัย ก็จะให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต เป็นผู้สั่งงดไม่ให้เรือออกจากท่าโดยเด็ดขาด
