เปิดขั้นตอนการประหารชีวิตด้วยวิธี “ฉีดสารพิษ”

2018-06-19 16:50:18

เปิดขั้นตอนการประหารชีวิตด้วยวิธี “ฉีดสารพิษ”

Advertisement

การประหารชีวิตด้วยวิธีฉีดสารพิษเมื่อครั้งอดีต เป็นการประหารนักโทษคดียาเสพติด คือ น.ช.จิรวัฒน์หรือเอ้ พุ่มพฤกษ์ อายุ 45 ปี และ น.ช.บัณฑิต เจริญวานิช อายุ 54 ปี ซึ่งถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับกุม พร้อมอาวุธปืนอีกหลายกระบอก รวมยาบ้า 114,215 เม็ด เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2544 โดยคดีนี้ทั้ง 3 ศาล พิพากษาประหารชีวิต

วันที่ 12 ธ.ค.2546 ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงวิธีการประหารชีวิต จาก“ยิงเป้า”เป็น“ฉีดสารพิษ” ที่ผ่านมา มีการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษมาแล้ว 6 ราย

"ยุทธ บางขวาง" หรือ อรรถยุทธ พวงสุวรรณ "พี่เลี้ยงนักโทษประหาร" ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนพานักโทษก้าวเข้าสู่แดนประหาร เคยให้ข้อมูลว่า หลังจากเรือนจำกลางบางขวางได้รับคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรี หรือคำสั่งใดก็ตามที่มีอำนาจถูกต้องตามกฎหมาย ให้ดำเนินการประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดที่ถูกศาลตัดสินลงโทษประหาร เรือนจำจะมอบหมายหน้าที่ให้ฝ่ายทะเบียนประวัติผู้ต้องขังทำการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักโทษประหารว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับคำสั่งที่ให้ดำเนินการประหารชีวิตหรือไม่ เพื่อป้องกันการประหารผิดคน จากนั้น จะออกคำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ คือ หัวหน้าชุดพี่เลี้ยง 1 นาย พี่เลี้ยง 3 นายต่อนักโทษประหาร 1 คน หัวหน้าชุดผู้ไปรับยาและสารพิษ 1 นาย ที่เหลืออีก15 นาย เป็นฝ่ายปฎิบัติ




"ยุทธ บางขวาง" อธิบายว่า เจ้าหน้าที่ชุดประหารเมื่อรับทราบคำสั่งแล้ว จะจัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่ใช้ในการประหารชีวิต เช่น ตรวจสอบความพร้อมของห้องประหาร เตียงประหาร สายยางสำหรับเดินน้ำยาและสารพิษ ห้องสักขีพยาน ถุงมือยาง อาหารมื้อสุดท้าย ดอกไม้ธูปเทียน ฯลฯ รวมทั้งนิมนต์พระหรือตัวแทนศาสนาอื่นที่นักโทษประหารนับถือ และแจ้งไปที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมดำเนินการตรวจสอบประวัติบุคคลทั้งก่อนและการประหารชีวิต รวมทั้งทำหนังสือแจ้งกรรมการซึ่งมีหลายหน่วยงานให้รับทราบ เพื่อร่วมเป็นสักขีพยาน 

ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ก่อนการประหาร เจ้าหน้าที่รับยาและสารพิษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะเดินทางไปรับยาและสารพิษที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีตัวยาและสารพิษที่จะต้องใช้กับนักโทษประหาร คือ สารโซเดียนเพนโททัล สารแพนคูไรเนียมโบรไมค์ สารโพแทสเซี่ยมคลอไรด์ 



จากนั้น ในเวลาประมาณ 16.00 น. น. เจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงจะเบิกตัวนักโทษประหารจากห้องควบคุมภายในแดน นำตัวไปที่ศาลาเย็นใจ หน้าห้อง เจ้าหน้าที่จะเข้ามาตรวจสอบประวัติอีกครั้ง เสร็จแล้วจะให้เขียนจดหมายและทำพินัยกรรม จากนั้นเปิดโอกาสให้โทรศัพท์หาญาติได้เป็นครั้งสุดท้าย 

หลังจากโทรศัพท์สั่งเสียญาติเสร็จแล้ว ผู้อำนวยการส่วนควบคุมหรือเวรผู้ใหญ่จะอ่านคำสั่งยกฎีกาให้นักโทษประหารฟัง แล้วนำตัวไปนั่งที่เก้าอี้ขาวหันหน้าไปทางวัดบางแพรกใต้ พี่เลี้ยงจะนำดอกไม้ธูปเทียนให้นักโทษประหารกราบไหว้ไปที่อุโบสถของวัด จากนั้นนำตัวไปที่ห้องประหาร ภายในห้องจะมีอาหารมื้อสุดท้ายวางไว้พร้อมน้ำดื่ม พี่เลี้ยงจะให้นักโทษรับประทานอาหารจนอิ่ม และชวนพูดคุยเพื่อให้คลายความเครียด 

เสร็จจากอาหารมื้อสุดท้าย จะมีพระสงฆ์มานั่งในห้องที่สามารถมองทะลุได้จากช่องหน้าต่างของห้องควบคุมตัวนักโทษประหารไว้ พระสงฆ์จะเทศนาธรรมให้กับนักโทษฟังเป็นครั้งสุดท้าย นักโทษประหารจะถวายดอกไม้ธูปเทียนที่ถือมาให้พระสงฆ์ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทางศาสนา 



ภายในห้องที่ใช้ในการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ จะมีเตียงนอนอยู่จำนวน 2 เตียง ด้านข้างยื่นออกมาทั้งสองข้างแบบกางเขนนอน ที่เตียงมีเข็มขัดสำหรับรัดตัว 5 เส้น ที่กางเขนมีเข็มขัดสำหรับรัดแขนข้างละ 2 เส้น เตียงทั้งสองตั้งห่างกันประมาณ 2.5 เมตร ทั้งสองเตียงนี้มีชื่อเรียกว่า “เตียงประหาร” ที่ข้างเตียงประหารจะมีเครื่องตรวจจับสัญญาณเต้นของหัวใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฉีดยาและสารพิษจะต่อสายติดเข้าที่ร่างกายของนักโทษ ที่จอมอนิเตอร์จะเห็นสัญญาณการเต้นของหัวใจเป็นเส้นกราฟขึ้นลง 

บริเวณหัวเตียงประหารจะมีห้องหน้าต่างกระจกบานใหญ่หนึ่งห้อง เหนือกระจกจะมีไฟสีเขียว สีเหลือง และสีแดงติดอยู่ เมื่อคณะกรรมการและสักขีพยานพร้อม และมัดตัวนักโทษให้ติดกับเตียงประหาร พร้อมกับเดินสายน้ำเกลือเข้าเส้นเลือดที่หลังมือเรียบร้อย ผู้ให้สัญญาณการประหารชีวิตจะสะบัดธงแดงลง เพื่อให้สัญญาณว่าดำเนินการประหารได้ เจ้าหน้าที่ฉีดสารพิษจะปิดทางเดินน้ำเกลือสายที่มาจากถุงน้ำเกลือ แล้วเปิดทางเดินสายที่มาจากห้องฉีดสารพิษแทน 

เมื่อแน่ใจว่านักโทษประหารสิ้นใจแล้ว พี่เลี้ยงจะเชิญแพทย์ตรวจร่างกายนักโทษเพื่อยืนยันอีกครั้ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะถอดสายน้ำเกลือและสายตรวจวัดชีพจรออกจากร่างกายของนักโทษ เจ้าหน้าที่ทุกนายจะขอขมาต่อร่างของนักโทษประหารอีกครั้ง