ฟีฟ่าแผนล้ำ ฟันกำไรอื้อ ก่อนโยน 3 ชาติเจ้าภาพร่วมจัดบอลโลก 2026

2018-06-14 07:20:52

ฟีฟ่าแผนล้ำ ฟันกำไรอื้อ ก่อนโยน 3 ชาติเจ้าภาพร่วมจัดบอลโลก 2026

Advertisement

ฟีฟ่าดีดลูกคิด คำนวณฟันกำไรมหาศาลกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนลงมติให้สหรัฐ, เม็กซิโกและแคนาดา 3 ชาติในอเมริกาเหนือ รับเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2026 โดยมองข้ามความขัดแย้งที่โดนัลด์ ทรัมป์ มีกับประเทศเพื่อนบ้าน

สหรัฐ, เม็กซิโก และแคนาดา ได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพร่วมกันจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี 2026 (2569) หลังได้รับเสียงโหวตด้วยคะแนนท่วมท้นจากสมาชิกฟีฟ่าเมื่อวานนี้ แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะมีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งกับเม็กซิโกและแคนาดา และอีกหลายประเทศตลอดช่วง 18 เดือนที่อยู่ในตำแหน่ง โดยทรัมป์ สั่งให้สร้างกำแพงปิดพรมแดนทางตอนใต้ของสหรัฐที่ติดกับเม็กซิโก และให้เม็กซิโกเป็นฝ่ายออกเงินค่าก่อสร้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายคุมเข้มผู้อพยพ พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ผู้นำแคนาดาเป็นการส่วนตัวด้วยเมื่อไม่กี่วันก่อน กรณีความขัดแย้งเรื่องการค้า

คาร์ลอส คอร์เดโร ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลสหรัฐ แถลงต่อผู้สื่อข่าวผ่านการแถลงข่าวทางโทรศัพท์ หลังที่ประชุมฟีฟ่าลงมติเมื่อวานนี้ ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียว่า การให้ทั้ง 3 ชาติได้สิทธิจัดเวิลด์คัพ รอบสุดท้าย เป็นความท้าทายมากกว่าผลกระทบที่เกิดจากทรัมป์ จึงทำให้สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างโมร็อกโกไปได้




ทั้งนี้ ทั้ง 3 ชาติในอเมริกาเหนือ ให้คำมั่นว่า ทัวร์นาเมนต์นี้ จะต้องสร้างผลกำไรให้ฟีฟ่าเป็นเงินสูงถึง 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าตัวเลขของฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งก่อน ๆ ในช่วงที่ฟีฟ่าเองก็กำลังกระหายเงิน หลังประสบปัญหาทางการเงินจากการคอร์รัปชั่นอื้อฉาวและการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ส่วนโมร็อกโก ซึ่งล้มเหลวในการยื่นขอสิทธิ์จัดเวิลด์คัพมาแล้ว 5 ครั้ง กล่าวว่า ทัวร์นาเมนต์ของพวกเขาจะทำเงินได้ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทรัมป์ ออกมาชื่นชมผลการลงมติดังกล่าวของฟีฟ่าทางทวิตเตอร์ว่า เป็นผลตอบแทนที่สุดยอดจากการทำงานหนัก ขณะที่ ประธานาธิบดีเอนริเก เปญญา นิเอโต ของเม็กซิโก ก็ทวิตข้อความว่า “พวกเราทำได้แล้ว” และทรูโด ก็ไม่พลาดที่จะทวิตข้อความเช่นกัน โดยแสดงความยินดีต่อทุกคน ที่ทำงานหนักในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเวิลด์คัพ “มันจะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่”





ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ, แคนาดาและเม็กซิโก ดิ่งลงต่ำสุดครั้งใหม่จากกรณีพิพาทเรื่องรื้อฟื้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือนาฟตา ปี 2537 ซึ่งมีมูลค่าการค้าสูงถึง 1.1 ล้านล้านดอลลารสหรัฐเมื่อรวมเศรษฐกิจของ 3 ประเทศ และทรัมป์บอกว่า ควรจะยกเลิกนาฟตา

แม้ว่าจะเป็นศึกเวิลด์คัพครั้งแรกที่ใช้เจ้าภาพร่วมกัน 3 ประเทศ แต่การแข่งขันส่วนใหญ่จะเล่นกันในสหรัฐ ซึ่งตามเอกสารยื่นขอสมัครเป็นเจ้าภาพ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า ผู้ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐเพื่อชมการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเมนต์สำคัญนี้ จะได้รับการผ่อนปรน และไม่เข้มงวดเรื่องวีซ่าเข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 วาระ 4 ปีในปี 2563 เขาก็จะไม่ได้เป็นปะธานาธิบดีในช่วงที่สหรัฐเป็นเจ้าภาพเวิลด์คัพในปี 2569