ดีเอสไอเด้ง “พิสิฐชัย” เซ่นโพสต์คดีเงินทอนวัด

2018-06-11 16:50:10

ดีเอสไอเด้ง “พิสิฐชัย” เซ่นโพสต์คดีเงินทอนวัด

Advertisement

อธิบดีดีเอสไอสั่งย้าย "นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร” พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอาการ ดีเอสไอ ที่ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมเชิญผู้แทน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาพิจารณาความผิด



จากกรณีนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอาการ ดีเอสไอ ลงข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัดนั้น










ล่าสุด พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้มีคำสั่งให้นายพิสิฐชัย พ้นหน้าที่จากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ โดยมีผลทันที และให้กองภาษีอากรเชิญผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือทางอาญาหรือไม่ แล้วรายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบโดยเร็ว



ขณะที่ นายพิสิฐชัย ได้โพสต์ข้อความเมื่อวานนี้ ว่า เข้าใจผิดคลาดเคลื่อน และขอแก้ไขข่าวที่โพสต์ไปก่อนหน้านี้ พร้อมขอโทษด้วย





ขณะที่ นายแพทย์มโน เลาหวณิช อดีตพระวัดพระธรรมกาย เปิดเผยกับนิว 18 กรณีการขอลี้ภัยของอดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ต้องหาในคดีเงินทอนวัด ที่ยื่นขอลี้ภัยที่ประเทศเยอรมนี ว่า อาจมีความเป็นไปได้ ที่เยอรมนีจะอนุญาตให้ลี้ภัย ทั้งนี้ต้องรอกระบวนการทางกฎหมายของเยอรมนี แม้ทางการไทย จะระบุว่าการความผิดของอดีตพระพรหมเมธี คือทุจริตคอรัปชั่นก็ตาม



ส่วนความเป็นอยู่ของอดีตพระพรหมเมธีเชื่อว่า ไม่ได้ลำบาก มีการดูแลอย่างดี เพราะประเทศเยอรมนีมีวัดสาขาของวัดพระธรรมกายถึง 7 แห่ง ซึ่งอดีตพระพรหมเมธีมีความสัมพันธ์ที่ดีใกล้ชิดกับอดีตพระทัตตชีโวที่ดูแลวัดสาขาของวัดธรรมกายในต่างประเทศ