แรง! ส่องคันฉ่อง เห็นตัวเองเป็นกษัตริย์ นิตยสารไทม์ ปก King Me !!

2018-06-10 21:00:34

แรง! ส่องคันฉ่อง เห็นตัวเองเป็นกษัตริย์ นิตยสารไทม์ ปก King Me !!

Advertisement

ปกนี้แรงดี !!! ส่องคันฉ่อง เห็นตัวเองเป็นกษัตริย์ นิตยสารไทม์ ปก King Me !!

ทรัมป์ส่องกระจกดูเงาตัวเอง อยู่หรือไปสมคบรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้ง







นิตยสารไทม์ ขึ้นปกรูปประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ยืนส่องกระจก เห็นตัวเองเป็นกษัตริย์ พร้อมเนื้อความบรรยายว่า ทรัมป์ยังต้องเจอวิบากกรรมในประเทศ จากการสอบสวนของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ กรณีข้อกล่าวหาว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งปี 2559 ซึ่งคดีงวดเข้ามาทุกขณะ อาจต้องถึงคิวทรัมป์ ที่ต้องถูกเรียกสอบปากคำ ซึ่งอาจทำให้ทรัมป์ที่อ้างว่า มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นิรโทษกรรมให้ตัวเอง หรือแม้กระทั่งปลดนายมุลเลอร์



ทีมทนายความของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายรูดี กุยเลียนี อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ยังต้องต่อสู้กับนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษในกระบวนการไต่สวนกรณีรัสเซียถูกกล่าวหาว่าเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 รวมไปถึงการตรวจสอบสายสัมพันธ์ระห่างรัสเซียและทีมหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา มี 19 คนถูกตั้งข้อหาดำเนินคดีไปแล้ว และในจำนวนนี้ 5 คน สารภาพผิดแล้วด้วย ส่วน




ปัจจุบันนี้ มุลเลอร์กำลังพุ่งเป้าไปที่ตัวประธานาธิบดี ซึ่งมุลเลอร์ต้องการสอบปากคำภายใต้คำสาบานเกี่ยวกับสิ่งที่ทรัมป์รับรู้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่อันตรายสำหรับทรัมป์ หากทรัมป์ตกลง ประธานาธิบดีที่ขาดวินัยอย่างทรัมป์ ก็เสี่ยงที่จะทำให้คำสาบานเป็นเท็จ ซึ่งอาจเป็นการกระทำความผิดอาญา เช่นเดียวกันที่กรณีของประธานาธิบดีบิล คลินตัน จนนำไปสู่การพิจารณาถอดถอน หรืออิมพีช ออกจากตำแหน่ง ซึ่งทรัมป์อาจเดินเข้าสู่กระบวนการนี้ได้เช่นกัน

แต่หากเขาปฏิเสธ มุลเลอร์ก็สามารถออกหมายศาล ซึ่งก็อาจทำให้ทรัมป์ถูกบังคับให้ต้องมาให้ปากคำที่ศาล ขณะที่ความขัดแย้งร้อนระอุอยู่นี้ ทรัมป์ก็กำลังเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบไร้ยางอายเพื่อทำลายชื่อเสียงของมุลเลอร์เช่นกัน และท้ายที่สุด หากจวนตัวจริง ๆ ก็อาจถึงกับตัดสินใจปลดมุลเลอร์ออกจากตำแหน่ง








อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ทวิตข้อความเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า เขามี “อำนาจเด็ดขาด” ในการนิรโทษกรรมให้ตัวเขาเอง ซึ่งเขาอาจหาญมากหากทำแบบนี้จริง เพราะในประวัติศาสตร์สหรัฐยังไม่มีประธานาธิบดีคนใดทำ หรือกล้าแม้แต่จะคิด มันยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า สงครามกับมุลเลอร์จะจบลงอย่างไร แต่วิสัยทัศน์ของทรัมป์อาจบ่อนทำลายโครงสร้างของรัฐบาลสหรัฐที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งจะทำให้อำนาจการบริหารและรัฐบาลอ่อนแอ

การต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของทรัมป์ ด้วยอาศัยทีมกฎหมายมือฉมังก็ยังไว้วางใจไม่ได้ ยังต้องหาหลักฐานหรือหลักการทางกฎหมายออกมาลบล้างกัน แต่ก็ยังมีมุมที่ฝ่ายกฎหมายของทรัมป์หวาดหวั่นอยู่เช่นกัน

แม้หากนายมุลเลอร์พบว่า ทรัมป์กระทำความผิดอาญาจริง ทีมกฎหมายของทรัมป์ก็ต้องโต้แย้งว่า ประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งไม่สามารถถูกดำเนินคดีได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมีความเห็นแตกต่างในจุดนี้ กุยเลียนียืนยันว่า ทรัมป์ไม่ได้ทำความผิด และจะปกป้องสิทธิของตัวเองให้ถึงที่สุด มาถึงตรงนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า การทำสงครามของมุลเลอร์จะได้ผลหรือไม่ แต่จะรู้ได้ เมื่อสงครามจบ และสิ้นสุดกระบวนความ



ทั้งนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐ กระบวนการอิมพีชเมนต์ หรือถอดถอน ต้องได้รับการเสนอโดยสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสามารถผ่านมติถอดถอนได้อย่างง่ายดายด้วยเสียงข้างมาก เพราะฉะนั้นหากมุลเลอร์เลือกที่จะเปิดเผยหลักฐานออกมา หลังการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่า พรรคเดโมแครตอาจได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และหากสภาผู้แทนฯ มีมติอิมพีชเมนต์ประธานาธิบดีทรัมป์ มันก็จะขึ้นอยู่กับวุฒิสภาในการพิจารณา ซึ่งต้องใช้เสียงข้างมาก 67 เสียง เพื่อจัดการดำเนินคดีทรัมป์ และปลดเขาออกจากตำแหน่ง

เพราะฉะนั้น ทีมกฎหมายของทรัมป์ ก็ต้องลุ้นกันตัวโก่งเหมือนกันว่า มุลเลอร์ จะเอายังไงกันแน่?

ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ เคยมีประธานาธิบดีถูกดำเนินการถอดถอนจากตำแหน่งทั้งสิ้น 3 คน คือนายแอนดรูว์ แจ็คสัน กับนายบิล คลินตัน ซึ่งกรณีของ 2 คนนี้ ไม่ผ่านขั้นตอนของวุฒิสภา ที่เห็นว่า ไม่ควรดำเนินการต่อ ส่วนอีกคนคือนายริชาร์ด นิกสัน จากคดี “วอเตอร์เกตส์” ที่โด่งดัง แต่ขั้นตอนการถอดถอนยังเริ่มไปไม่ทันเท่าไหร่ เขาก็ชิงลาออกเสียก่อน

ส่วนชะตากรรมของทรัมป์ จะเป็นอย่างไร? ถ้ามุลเลอร์ไม่มีอันเป็นไปเสียก่อน คงได้ระทึกกันแน่