ตร.ฟัน 2 บริษัทนำเข้า-คัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์

2018-06-09 17:20:13

ตร.ฟัน 2 บริษัทนำเข้า-คัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์

Advertisement

รอง ผบ.ตร.ตรวจร้านรับซื้อของเก่าย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ลักลอบแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย พร้อมค้นอีกบริษัทนำเข้าขยะเข้าผิดกฎหมาย ส่งขยะต่อให้โรงงานอื่น มีเงินโอนย้ายไปยังประเทศจีนใน20 วัน กว่า 28 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. พร้อม เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นตรวจสอบบริษัทหวางเสี่ยวตง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ซอยแก้วไฟฟ้า ต.บางเพรียง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งบริษัทรับซื้อของเก่า



พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการนำขยะอิเล็กทนอนิกส์มาเก็บไว้ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า โรงงานแห่งนี้ได้ขออนุญาตจัดตั้งเป็นร้านรับซื้อของเก่า แต่ไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้งโรงงาน จึงเข้ามาตรวจสอบ โดยจากการสืบสวนพบว่าการกระทำลักษณะนี้ทำกันเป็นขบวนการคือนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามาจากต่างประเทศ มาขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า เพื่อฟอกว่าเป็นของเก่าภายในประเทศ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของโรงงานกำจัดและหลอมต่างๆ และยังพบข้อมูลว่าโรงงานนี้มีการซื้อขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก เดือนละหลายล้านบาท ทำให้เชื่อว่าเป็นการลักลอบยักย้ายถ่ายเทจากผู้นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย เบื้องต้นจะดำเนินคดีกับเจ้าของเนื่องจากไม่สามารถชี้แจงได้ว่าขยะดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร ในข้อหา ฐานนำเข้าหรือครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่3โดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานตั้งและประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่3โรงงานคัดแยกขยะที่เป็นของเสียอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานผู้ใดส่งออกหรือนำเข้าสินค้าต้องขออนุญาต เบื้องต้นจะสั่งปิดโรงงานดังกล่าวทันที เนื่องจากมีความผิดชัดเจน




จากนั้น พล.ต.อ.วิระชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้น บริษัทไทยอินเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป จำกัด อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โรงงานคัดแยกวัสดุไม่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นจุดที่พบว่ามีการนำเข้าขยะผิดกฎหมาย โดยเปิดเผยว่า การค้นบริษัทนี้เป็นการขยายผลจากการเข้าตรวจค้นโรงงานที่ ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานที่ไม่มีใบอนุญาต เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้พบว่ามีรถขนขยะของบริษัทดังกล่าวเข้ามาขนขยะออกไปจากแหลมฉบังมายังโรงงาน จึงได้ตรวจสอบจนกระทั่งพบว่าเป็นบริษัทไทยอินเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ จึงลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจค้นวันนี้ทราบว่าบริษัทไทยอินเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป จำกัด มีกำลังการผลิต 9,000 ตันต่อปี แต่มีการนำเข้าขยะพลาสติก 15,000 ตันต่อปี ซึ่งเกินโควต้า โดยจากการสอบถามผู้ประกอบการขณะนี้ทราบว่ามีการนำเข้ามาแล้ว 6,000-7,000 ตัน และไม่ได้นำมาใช้ในโรงงานของตนเองแต่นำมาแล้วนำไปให้โรงงานอื่นกว่า 3 โรงงาน ดังนั้นการดำเนินการของบริษัทแห่งนี้ทั้งในฐานะนิติบุคคลและผู้แทนบริษัทมีความผิดฐานฝ่าฝืนมาตราการเพื่อการประโยชน์ในการจัดระเบียบ ในการส่งออกนำเข้าซึ่งสินค้า หลังจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเสนอให้กรมโรงงานกระทรวงอุตสหากรรมเพิกถอนโควต้านำเข้าพลาสติกต่อไป



รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบเอกสารที่เชื่อมโยงกับการจ่ายเงินให้กับบริษัทที่ทำการขนถ่ายสินค้าที่คลองด่าน และยังพบว่ามีการโอนเงินไปยังประเทศจีนวันละ1ล้านบาท โดยในห้วงเวลา20กว่าวันที่ผ่านมา มีหลักฐานยืนยันว่าได้จ่ายเงินไปแล้วกว่า28ล้านบาท ขณะที่การตรวจสอบภาษียังไม่พบว่ามีการทำบัญชีที่ถูกต้อง ซึ่งหลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่สรรพกรมาตรวจสอบอีกครั้งส่วนจะเข้าข่ายการถือครองบริษัทแทนหรือไม่เพราะทราบว่าเจ้าของที่แท้จริงมีสัญชาติจีนอยู่ระหว่างการตรวจสอบ