“อนุพงษ์”สั่งผู้ว่าฯคุมเข้มอาหารกลางวันเด็ก

2018-06-08 11:55:47

“อนุพงษ์”สั่งผู้ว่าฯคุมเข้มอาหารกลางวันเด็ก

Advertisement

“พล.อ.อนุพงษ์” ลั่นทุจริตอาหารกลางวันเด็กนักเรียนต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ สั่งการนายอำเภอกำกับดูแลเฝ้าระวัง สุ่มตรวจ เป็นระยะ

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการทุจริตงบประมาณค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ว่า เป็นเรื่องที่จะหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศในการประชุมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ 2561 ในวันนี้ คือทางท้องถิ่น จะมีงบอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนหัวละ 20 บาท จริงๆแล้วเรื่องนี้ควรจะเรียบร้อยไม่มีปัญหา แต่มันอาจจะมีการทุจริต บริหารงานไม่ดี คิดว่าโรงเรียนในสังกัด อปท.ต้องรับผิดชอบหน่วยแรกในฐานะที่ต้องดูแลตรวจสอบอย่างละเอียด ต่อจากนั้นก็คือท้องถิ่นเพราะเป็นผู้กำกับดูแล รวมถึงให้งบลงไป จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นควรที่จะมีมาตรการตรวจสอบ ขณะที่ในส่วนพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอก็จะต้องรับผิดชอบ แต่จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอไปตรวจสอบอาหารกลางวันทุกโรงเรียนคงเป็นไปไม่ได้

รมว.มหาดไทย กล่าวต่อว่า ตั้งเป้าว่ากรณีแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก มาตรการหนึ่งที่จะเสนอแนะผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ คือ ต้องให้แนวนโยบายที่แน่ชัดกับนายอำเภอ เพราะนายอำเภอค่อนข้างที่จะกำกับดูแลแล้วได้ผล นายอำเภอต้องรู้ว่ามีโรงเรียนใดบ้างที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรงเรียนใดบ้างที่ไม่ต้องห่วง ต้องหามาตรการ นายอำเภออาจจะลงไปสุ่มตรวจดูบ้าง ผู้ที่ช่วยได้เยอะอีกกลุ่มก็คือภาคเอกชน ผู้ปกครอง ภาคประชาชน สื่อมวลชน ถ้ามีอะไรไม่ดีก็จะได้แก้ไขได้ทัน เป็นสิ่งที่อยากสร้างกลไกนี้ไว้ ตนไม่ตำหนิหากสื่อมวลชนได้ข้อมูลว่าพื้นที่ใดน่าจะมีการทุจริตแล้วมาบอก ตนชอบ ช่วยกันดูช่วยกันบอก จะได้หาทางแก้ไข แต่ต้องมาจากความสุจริต ไม่ใช่มาใส่ไฟกัน

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในตำบลทั่วประเทศมีตั้ง 7,000 กว่าแห่ง โรงเรียนก็ต้องเยอะแยะมากมาย ถ้าไม่วางโครงสร้างในการควบคุม มันก็จะเกิดข้อผิดพลาด งบไม่ว่าจะเป็น 5 บาท 10 บาทหรือ 20 บาทมีค่าทั้งนั้น เพราะเป็นงบของประเทศชาติ และเป็นงบของเด็กนักเรียน ถือว่าน่าสงสาร ขณะที่โรงเรียนดีๆก็มีไม่น้อย แต่สังคมคงไม่รู้ สังคมคงเห็นเฉพาะที่มีปัญหา อย่างไรก็ตามถ้านายอำเภอรู้ว่ามีโครงการลักษณะนี้ ควรหาผู้มาช่วยส่งเสริม เช่น ภาคเอกชน พ่อค้าต่างๆ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้รับประโยชน์ เพราะงบหัวละ20บาทถือว่าน้อย แต่จะทำให้ดีคงไม่ง่าย ต้องหามาตรการมาช่วย แล้วดูว่าโรงเรียนไหนผ่าน โรงเรียนไหนมีปัญหาก็บันทึกทำเครื่องหมายไว้ จัดลำดับให้ดี