พรีวิวฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่ม A,B,C,D) (คลิป)

2018-06-07 15:30:19

พรีวิวฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่ม A,B,C,D) (คลิป)

Advertisement


ก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนที่จะถึงนี้ สีสันบอลโลก 2018 พาท่านผู้ชมไปดูภาพร่วมในรอบแบ่งกลุ่มกันว่า ในแต่ละกลุ่ม แต่ละทีมจะต้องเจอกับคู่แข่งทีมไหนกันบ้าง 


ทีมเจ้าภาพ รัสเซีย เข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ หากนับตั้งแต่ยังเป็น สหภาพโซเวียต พวกเขาเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแล้วทั้งหมด 11 ครั้ง โดยผลงานที่ดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 4 ในการแข่งขันปี 1966 ที่ประเทศอังกฤษ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ รัสเชีย อยู่ในกลุ่ม เอ ร่วมกับ ซาอุดิอาระเบีย, อียิปต์, อุรุกวัย โดย ซาอุดีอาระเบีย ทีมอันดับ 67 ของโลกในปัจจุบัน เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1994-2006 โดยผลงานที่ดีที่สุดเกิดขึ้นในปี 1994 ที่พวกเขาผ่านไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

อียิปต์ ทีมอันดับ 46 ของโลก เคยเข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 2 ครั้ง คือปี 1934 และ 1990 ส่วน อุรุกวัย ทีมแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย ผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแล้วกว่า 12 ครั้ง โดยครั้งนี้พวกเขามาในฐานะรองแชมป์โซนอเมริกาใต้ 

………………………………….



ต่อกันที่กลุ่ม บี ทีมที่น่าจับตามองที่สุดคือ โปรตุเกส และสเปน 2 ทีมเต็งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปีนี้

โปรตุเกส เจ้าของแชมป์ฟุตบอลยูโรปีล่าสุด นำทีมโดยนักเตะซูเปอร์สตาร์ อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่เมื่อย้อนกลับไปดูผลงานในศึกฟุตบอลโลก 2014 โปรตุเกสเก็บได้เพียง 4 แต้ม จากผลงานชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ตกรอบแบ่งกลุ่มไปอย่างน่าเสียดายเช่นเดียวกัน ขณะที่ “เจ้ากระทิงดุ” สเปน เจ้าลองแชมป์โลก 1 สมัย ในปี 2010 ซึ่งในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันนั้น พวกเขาคือแชมป์ฟุตบอลยูโร 2 สมัยติดต่อกัน คือในปี 2008 และ 2012 แต่น่าเสียดายที่ผลงานในศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่บราซิล ทีมกระทิงดุเก็บได้เพียง 3 แต้ม จากการเอาชนะได้แค่ครั้งเดียว ตกรอบแบ่งกลุ่มไปอย่างน่าเสียดาย

สำหรับฟุตบอลโลก 2018 นี้ ทั้ง โปรตุเกส และสเปน จะอยู่ร่วมสายกับ โมร็อกโก ทีมอันดับ 42 ของโลก ผ่านเข้ามาเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี และอิหร่าน ทีมยักษ์ใหญ่ตัวแทนจากโซนเอเชีย

……………………………………...



ต่อกันด้วยกลุ่มซี ที่ประกอบด้วยทีมที่น่าสนใจ ได้แก่ ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, เปรู และเดนมาร์ก

ทีมชาติฝรั่งเศส เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัย แม้ในศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด พวกเขาจะพ่ายให้กับเยอรมนี 0-1 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย แต่ใน 2 ปี ต่อมา ฝรั่งเศส ก็แก้แค้นเอาชนะ เยอรมนี 2-0 ได้สำเร็จ ผ่านเข้าชิงชัยกับ โปรตุเกส ในรอบชิงชนะเลิศ แม้ว่าสุดท้าย ฝรั่งเศสจะ พลาดท่า แพ้โปรตุเกส ไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก็ตาม แต่ด้วยผลงาน ตลอดปี 2017-2018 ที่ผ่านมา ฝรั่งเศส ทำสถิติ ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 2 นับว่าเป็นอีกหนึ่งทีมเต็งประจำการแข่งขันในครั้งนี้เลยก็ว่าได้

ขณะที่ ออสเตรเลีย แม้จะผลงานในรอบคัดเลือกจะไม่ค่อยดีนัก โดยพวกเขาต้องไปเล่นกับฮอนดูรัสในรอบเพลย์ ก่อนจะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-1 ผ่านรอบมาเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายในที่สุด

ทีม เปรู ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาต้องเอานิวซีแลนด์ในรอบเพลย์ออฟ ก่อนจะเข้ามาเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก ในรอบ 36 ปีได้สำเร็จ สำหรับเดนมาร์ก ทีมอันดับ 12 ของโลก ผ่านเข้ามาเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 5 ต่อจากครั้งล่าสุดเมื่อปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ โดยผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 1986 และปี 2002

…………………




สุดท้ายที่ กลุ่ม ดี ประกอบด้วยทีมชั้นนำอย่าง อาร์เจนติน่า, ไอซ์แลนด์, โครเอเชีย และไนจีเรีย

อาร์เจนติน่า เจ้าของแชมป์โลก 2 สมัย และตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลโลกปีล่าสุดที่บราซิล นำทีมโดย ลีโอเนล เมสซี่ และซูเปอร์สตาร์อีกมากมาย อาทิ เซร์คิโอ้ อเกลโร่, เปาโล ดีบาล่า หรืออังเคล ดิ มาเรีย

เมสซี่ ประสบความสำเร็จมากมายในระดับสโมสร แต่ยังไม่เคยคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติเลยสักครั้ง ต้องมารอลุ้นกันว่า เมสซี่จะพาทีมชาติอาเจนติน่าคว้าแชมป์โลกปีนี้ได้สำเร็จหรือไม่



ไอซ์แลนด์ ทีมอันดับ 22 ของโลก หลังจากเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลยูโรเป็นครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน ในที่สุดพวกเขาก็สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นอีกครั้ง ในการผ่านเข้ามาเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก ได้เป็นผลสำเร็จ

โครเอเชีย ทีมอันดับ 18 ของโลก เคยผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแล้ว 5 ครั้ง โดยผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการคว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส

สุดท้าย สุดท้าย ไนจีเรีย ตัวแทนจากทวีปแอฟริกา เคยผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายแล้ว 5 ครั้ง โดยผลงานครั้งล่าสุดที่บราซิล พวกเขาเก็บ 4 คะแนนในรอบแบ่งกลุ่ม ผ่านเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นผลสำเร็จ

นอกจาก 16 ทีมที่ได้พูดถึงกันไปแล้ว เรายังเหลืออีก 16 ทีม จากอีก 4 กลุ่มให้ได้พูดถึงกัน ซึ่งท่านผู้ชมสามารถติดตามต่อได้ที่ สีสันบอล 2018 ในวันพรุ่งนี้