ปึ้ง!! ศาลเนเธอร์แลนด์ อนุญาตให้แก้สูติบัตร เป็น 'ไม่กำหนดเพศ' ได้

2018-06-04 11:05:45

ปึ้ง!! ศาลเนเธอร์แลนด์ อนุญาตให้แก้สูติบัตร เป็น 'ไม่กำหนดเพศ' ได้

Advertisement

เฮลั่น !!  สนั่นโลก .... นับได้ว่าเป็นอีกก้าวสำคัญก้าวหนึ่งของเหล่านอนไบนารี เมื่อศาลเนเธอร์แลนด์อนุญาตให้คนแก้เพศในสูติบัตรตนเองเป็น 'ไม่กำหนดเพศ' ได้ ...



เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา สื่อดัชต์นิวส์ รายงานว่า ศาลในจังหวัดลิมบูร์กของประเทศเนเธอร์แลนด์ตัดสินอนุญาตให้บุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเพศใดก็ตามสามารถขอสูติบัตรของตัวเองใหม่เป็น "ไม่กำหนดเพศ" (no determined sex) ได้ ซึ่งเว็บไซต์ Pink news ระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในแง่ที่เป็นการยอมรับผู้ไม่อยู่ในระบบสองเพศหรือ 'นอนไบนารี' (Non-Binary)






คดีที่เคยเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์เป็นกรณีของบุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2504 และถูกแจ้งเกิดว่า "เป็นชาย" เพราะทางพ่อแม่คิดไปเองว่ามัน "เป็นเพศที่ถูกต้องแล้ว" แต่โจกท์ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นชายจึงเปลี่ยนแปลงตัวเอง "เป็นหญิง" ในปี พ.ศ. 2544 แต่ต่อมาบุคคลผู้นี้ก็ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ยกเลิกเพศหญิงของตนเองแล้วเปลี่ยนเป็น "ไม่กำหนดเพศ" และศาลครอบครัวประจำลิมบูร์กในเมืองรอมองด์ก็ให้อนุญาตในเรื่องนี้ จนทำให้กลายเป็นการแผ้วถางแนวทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงกฎหมายอย่างเป็นทางการให้กับนอนไบนารีได้





สำหรับเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมาผู้คนสามารถเลือกระบุไม่กำหนดเพศทารกในใบแจ้งเกิดได้ แต่ตัวเด็กเองเมื่อโตขึ้นแล้วกลับไม่สามารถกลับไปแก้เพศในใบแจ้งเกิดของตัวเองได้ จนกระทั่งมีการตัดสินจากศาลในคดีล่าสุดนี้ได้เปลี่ยนแปลงให้คนสามารถกลับไปแก้สูติบัตรตัวเองได้แล้ว





ก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ. 2550 เคยมีคดีที่ศาลสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องขอเปลี่ยนเพศตนเองในใบสูติบัตรให้ระบุว่า "เป็นกลางทางเพศ" (gender neutral)

อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีล่าสุดศาลในลิมบูร์กระบุว่า พัฒนาการทางสังคมและทางกฎหมายในประเด็นเรื่องความเป็นกลางทางเพศก็เปิดทางให้ระบุเป็นเพศอื่นในใบสูติบัตรได้นอกเหนือจากหญิงหรือชาย พวกเขายกตัวอย่างพัฒนาการทางสังคมดังกล่าวเช่นเรื่องการที่บริษัทรถไฟของเนเธอร์แลนด์เริ่มพูดถึงผู้โดยสารด้วยภาษาเป็นกลางทางเพศแทนคำว่า "สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี" แบบในอดีต อีกตัวอย่างหนึ่งคือการที่เนเธอร์แลนด์มีห้องน้ำเป็นกลางทางเพศเพิ่มมากขึ้น



ศาลในลิมบูร์กให้เหตุผลถึงการตัดสินในครั้งนี้ว่า การบีบให้บุคคลนอนไบนารีระบุถึงเพศตัวเองเป็นชายหรือหญิงแทนที่จะเป็น "ไม่กำหนดเพศ" นั้นถือเป็นการขัดกับหลักการเรื่องสิทธิในชีวิตส่วนตัว ในการเลือกตัดสินใจ และอิสรภาพของบุคคลนั้นๆ (right to a private life, self determination and autonomy) ศาลกล่าวอีกว่าถ้าหากบุคคลไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพศชายหรือเพศหญิง พวกเขาก็ควรจะสามารถระบุไว้ในเอกสารทางการเช่นนั้นได้





ลิออนน์โจทก์ในคดีนี้ให้สัมภาษณ์ต่อโทรทัศน์ RTL ว่ามันเป็นคำตัดสินที่ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด เขารู้สึกมีความสุขมากไม่ใช้แค่กับตัวเองเท่านั้นแต่เขาได้ทำเพื่อคนข้ามเพศจำนวนหลายพันคนที่เคยพูดคุยกับเขาในฐานะที่เขาเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาด้วย ในมุมทางเพศสภาพของตัวเองลีออนน์กล่าวว่าเขาไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นชายหรือเป็นหญิงแต่เป็น "อะไรที่อยู่ตรงกลางพอดี"



นอกจากเนเธอร์แลนด์แล้ว รัฐซัสแคตเชวันของแคนาดาก็เพิ่งจะตัดสินอนุญาตให้มีการออกสูติบัตรโดยไม่ต้องระบุเพศเด็กได้ จากกรณีที่มีพ่อคนหนึ่งชื่อ ฟราน ฟอร์สเบิร์ก เป็นตัวแทนลูกหญิงข้ามเพศของตัวเองในการร้องเรียนต่อศาลขอเปลี่ยนใบสูติบัตรของลูกเขาจากชายเป็นหญิง ซึ่งฟอร์สเบิร์กไม่ได้หยุดแค่นั้น เขายังดำเนินการเผื่อลูกหลานของคนอื่นๆ ด้วยการร้องเรียนขอให้ยกเลิกการใส่เพศในสูติบัตร และเมื่อศาลตัดสินออกมาเขาก็กล่าวแสดงความยินดีกับเด็กคนอื่นๆ รวมถึงชาวนอนไบนารีด้วย