ผุด “ก.พ.ค.ตร.” ถ่วงดุล “ก.ตร.”

2018-06-02 23:40:41

ผุด “ก.พ.ค.ตร.” ถ่วงดุล “ก.ตร.”

Advertisement

คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เห็นชอบตั้ง “ก.พ.ค.ตร.” รับเรื่องร้องเรียนตำรวจถ่วงดุล “ก.ตร.” เสมือนองครักษ์พิทักษ์ระบบคุณธรรม รับ ร้องทุกข์เบื้องต้นครอบคลุมแต่งตั้งโยกย้าย

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมการปฏิรูปกฎหมายในฐานะโฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมได้ลงรายละเอียดรายมาตราในประเด็น คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) องค์กรภายในใหม่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะทำหน้าที่วินิจฉัยอุทธรณ์และเรื่องร้องทุกข์ทั้งปวงของข้าราชการตำรวจ ทำหน้าที่เสมือนเป็นศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งนอกจากจะเพื่อผดุงความเป็นธรรมให้กับข้าราชการตำรวจแล้ว ยังจะเป็นการถ่วงดุลกับคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) อีกด้วย

นายคำนูณ กล่าวอีกว่า การวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์เฉพาะประเด็นที่ว่ากฎ ก.ตร.ขัดหรือแย้งกับพ.ร.บ.ตำรวจฯหรือไม่ ให้คำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.เป็นที่สุด ส่วนประเด็นอื่น ๆ หากไม่พอใจคำวินิจฉัยของก.พ.ค.ตร. ผู้อุทธรณ์หรือร้องทุกข์ยังสามารถฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ ซึ่งปัจจุบันหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และเรื่องร้องทุกข์เป็นของ ก.ตร. นอกจากนั้นเพื่อคุ้มครองระบบคุณธรรม ในกรณีที่ ก.พ.ค.ตร.เห็นว่ากฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใดที่ออกตามพ.ร.บ.ตำรวจฯและมุ่งหมายให้ใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่สอดคล้องกับ ระบบคุณธรรมให้แจ้งให้ผู้มีอำนาจออกกฎ ระเบียบ หรือคำสั่งดังกล่าวทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไขหรือยกเลิกตามควรแก่กรณี




นายคำนูณ กล่าวต่อว่า โดยระบบคุณธรรมที่จะได้บัญญัติขึ้นไว้ใหม่ในร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯฉบับใหม่มีดังนี้ 1. การรับบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต้องคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ความสามารถของบุคคล ความเสมอภาค ความเป็นธรรม ประโยชน์ของทางราชการ และความพึงพอใจของประชาชน 2. การบริหารทรัพยากรบุคคล ต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพขององค์กรและลักษณะของงาน โดยไม่เลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม 3. การพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำแหน่ง และการให้ประโยชน์อื่นแก่ข้าราชการตำรวจ ต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม โดยพิจารณาจากอาวุโส ผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติ โดยจะนำความคิดเห็นทางการเมืองหรือสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได้

นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า 4. การดำเนินการทางวินัย ต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรมและโดยปราศจากอคติ 5. การบริหารทรัพยากรบุคคลต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ซึ่ง ก.พ.ค.ตร.มีองค์ประกอบ 7 คน อายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี และไม่เกิน 70 ปี ทำงานเต็มเวลา มีวาระ 6 ปี ดำรงตำแหน่งได้วาระเดียว ทั้งนี้ ให้เลขาธิการก.พ.เป็นเลขาธิการก.พ.ค.ตร. และผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเป็นผู้ช่วยเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการก.พ.ค.ตร.จากผู้มีคุณสมบัติที่ได้รับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการคัดเลือกที่ประกอบด้วย ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธาน รองประธานศาลฎีกาที่ได้รับมอบหมายจากประธานศาลฎีกา 1 คน กรรมการก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับเลือกโดย ก.ตร. 1 คน และเลขาธิการก.พ. ส่วนประธานก.พ.ค.ตร.มาจากการเลือกกันเองของก.พ.ค.ตร. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรรมการก.พ.ค.ตร



นายคำนูณ กล่าวว่า กล่าวโดยสรุปแล้วคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรรมการ ก.พ.ค.ตร จะมาจาก 6 กลุ่ม คือ กลุ่มอดีตข้าราชการพลเรือน กลุ่มอดีตข้าราชการตำรวจ กลุ่มอดีตข้าราชการทหาร กลุ่มอดีตข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง กลุ่มอดีตข้าราชการอัยการ และกลุ่มนักวิชาการในสถาบันอุดมศึกษา