ยึดขยะอิเล็กทรอนิกส์สำแดงเท็จนำเข้ากว่า 100 ตัน

2018-05-29 22:30:20

ยึดขยะอิเล็กทรอนิกส์สำแดงเท็จนำเข้ากว่า 100 ตัน

Advertisement

รอง ผบ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรแแถลงอายัดขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 120 ตัน สำแดงเท็จนำเข้าจากฮ่องกง ลั่นดำเนินคดีบริษัทให้เข็ดหลาบ



เมื่อวันที่ 29 พ.ค. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยนายบรรจง สุกรีฑา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร และนายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมสินค้า ที่บริเวณท่าเรือ C 3 ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี จากการตรวจสอบสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ สำแดงว่าเป็นสแครปพลาสติก แต่เมื่อเอกซเรย์แล้วพบว่าไม่น่าใช่พลาสติกตามที่สำแดง เนื่องจากมีลักษณะคล้ายโลหะ จึงได้อายัดสินค้าดังกล่าวไว้เพื่อรอตรวจสอบ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เปิดตู้คอนเทนเนอร์ตรวจสอบ พบเป็นเครื่องเกมเก่า มีสายไฟและแผลงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงถือว่าเป็นการสำแดงเท็จและกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งถือว่าสินค้าดังกล่าวเป็นกากขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นขยะอันตรายและห้ามนำเข้าประเทศ ดังนั้นผู้ที่นำเข้าดังกล่าวจึงมีความผิด 1.ฐานสำแดงเท็จ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร มาตรา 202 มีโทษปรับไม่เกิน 5แสนบาท 2. หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรโดยเจตนาและฉ้อโกงภาษีของนั้นๆอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร มาตรา 243 มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ 4 เท่าของราคา







3. ผู้ใดนำเข้าซึ่งสินค้าต้องห้ามตามมาตรา 5 ( 1 ) หรือฝ่าฝืนตามมาตรา 7 วรรค 1 ตาม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 4. ผลิตนำเข้าส่งออกหรือมีไว้ในครอบครอง โดยนำเข้าซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 23 วรรค 1 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะดำเนินคดีทั้ง 4 ข้อหากับผู้ที่นำเข้าสินค้าดังกล่าว รวมถึงยึดสิ่งที่ใช้ในการขนส่ง และยานพาหนะนอกจากนั้นถ้านำเข้ามากี่ตู้ ก็ผิดตามจำนวนครั้ง โดยดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ ซึ่ง 2 ตู้ ก็ต้องคูณ 2 โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป





พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ทางกรมศุลกากรมีข้อตกลงร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า หากพบว่ามีการสำแดงเท็จในกรณีดังกล่าวไม่เพียงแต่ปรับ 2 หมื่นบาท และผลักดันออกนอกประเทศ แต่จะดำเนินคดีตามความผิดทั้ง 4 ข้อหาดังกล่าว ซึ่งมีโทษจำคุกถึง 10 ปี ปรับ 5 แสนบาท โดยจะตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวเป็นของใคร ใครเป็นผู้ถือหุ้น และผู้มีอำนาจในบริษัททุกคนก็จะถูกดำเนินคดี เพื่อให้เข็ดหลาบและเกรงกลัวต่อกฎหมายต่อไป สำหรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ ดังกล่าว จาการตรวจสอบพบว่ามาจากหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น หรือประเทศที่เจริญแล้ว จะไม่มีการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายกำหนดไว้ว่า ผู้ที่ทำการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องรับผิดชอบในการทำลายซากและผลิลิตภัณฑ์นั้นๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบตู้สินค้าที่สำแดงเท็จในครั้งนี้นำเข้ามาจากฮ่องกง คิดเป็นน้ำหนักกว่า 122 ตัน