Thailand Web Stat

เจียงซี เพชรงามเม็ดใหม่แห่งแดนมังกร

7 ปีที่แล้ว

เจียงซี เพชรงามเม็ดใหม่แห่งแดนมังกร

Advertisement



500x667 (Original: 500x667)

เมื่อวันที่ 5-10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศจีนได้เปิดตัวงาน ประชุมส่งเสริมการท่องเที่ยว 2018 Jiangxi Tourism Promotion Fair ที่เมืองฝูโจว ซึ่งมีนาย Ouyang Quanhua ผู้อำนวยการคณะกรรมการการท่องเที่ยวมณฑลเจียงซีเป็นประธาน และ นาง Wu Zhongqiong รองผู้ว่าราชการมณฑลเจียงซีเข้าร่วมและแนะนำแหล่งท่องเที่ยวของมณฑลเจียงซี นาย Hou Dana ที่ปรึกษาของกระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการการท่องเที่ยวจังหวัด ตัวแทนการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสื่อและผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวเข้าร่วมการประชุมรวมกันกว่า 200คน ร่วมสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งติดอันดับ 1ใน10 ของมณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นมณฑลขนาดใหญ่อันดับ 18 และอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประเทศของจีน เจียงซีเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยธรรมชาติ ภูเขา แม่น้ำ วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน

รัฐบาลจีนได้สร้างระบบสาธารณูปโภคอย่างครบวงจรทั้งโรงไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ อุโมงค์ รถไฟฟ้าความเร็วสูง Shopping Street โรงแรมห้าดาวรวมถึงการลดภาษี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอย่างเต็มที่ ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักทุกวันนี้มาจาก เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน และที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตคือนักท่องเที่ยวจากเอเชีย ยุโรปและอเมริก

สิ่งที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญที่สุดสำหรับเมืองท่องเที่ยวคือการที่ทำให้ประชาชนรู้สึกรักการให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งจุดนี้เองรัฐบาลจีนพยายามให้ประชาชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากที่สุด ทั้งจากการให้บริการและการขายสินค้าแก่นักท่องเที่ยว

การส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวก็เป็นอีกสิ่งที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญ จึงใช้จุดนี้เป็นจุดแข็งที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นเช่น หมู่บ้านโบราณ อุปรากรจีน หมู่บ้านที่ผลิตเครื่องเคลือบดินเผา หัตถกรรม การท่องเที่ยวเชิงเกษตร แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาเช่นศาสนาพุทธและลัทธิเต๋า ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดเจียงซีมีนับร้อยแห่งแต่ที่เราสถานที่ที่อยากขอแนะนำได้แก่

1. เขตประวัติศาสตร์ เหวินชางลี่ เมืองฟู่โจว ที่นี่เป็นชุมชนโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง หรือเมื่อ 650 ปีก่อน เป็นชุมชนใหญ่ตั้งแต่โบราณจวบจนถึงปัจจุบัน มีวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน และที่น่าสนใจที่สุดคือการแสดงอุปรากรจีนร่วมสมัยที่พัฒนาจากวรรณกรรมโบราณ ชื่อว่า “แสวงหาความฝันในเก๋งโบตั๋น” เป็นเรื่องราวความรักอมตะ เชิงแฟนตาซีของชายหญิง ซึ่งประพันธ์โดยกวีเอกตั๋งเชียงซู ในสมัยราชวงศ์หมิง สถานที่จัดแสดงเป็นแบบพื้นที่เปิดโล่งกลางอุทยาน มีสามฉากอันยิ่งใหญ่ตระการตา

เขตประวัติศาสตร์ เหวินชางลี่ ชุมชนโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง

ภาพจำลองย่านการค้าในสมัยโบราณ




ภาพจำลองชีวิตความเป็นอยู่สมัยโบราณ

ผู้คนในท้องถิ่นมีรายได้จากการท่องเที่ยว


โดยฉากแรกเป็นการเปิดเรื่องของความรัก เสมือนอยู่ในความฝัน การแสดงอ่อนช้อยสวยงามราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ สร้างฉากได้วิจิตรตระการตา ฉากที่สองเป็นเรื่องของอุปสรรคในความรัก ฉากจึงดูเศร้าราวกับตกสู่นรกอเวจี เครื่องแต่งกายและการแสดงก็ดูน่าสะพรึงกลัว ส่วนฉากที่สามเป็นความสมหวังในความรัก เป็นฉากแห่งความสนุกสนานตระการตา เต็มไปด้วยความสุขและความประทับใจ



โดยรวมแล้วเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่อย่างมากหากได้มาชมจะประทับใจไม่รู้ลืมเพราะได้รวมเทคนิคผสมผสานตั้งแต่การแสดง ท่าเต้น การจัดแสงที่เป็นไปตามอารมณ์เรื่อง ฉากที่สวยงามโดยเฉพาะการเดินบนน้ำกลางหมอกควันทำให้รู้สึกเหมือนกับภาพวาดโบราณ เสียงดนตรีพื้นเมืองที่น่าประทับใจ จบด้วยการจุดพลุที่น่าประทับใจ เป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่คุ้มค่าการมาเยือนจริงๆ

การแสดงอ่อนช้อยงดงาม

ฉากการแสดงอันยิ่งใหญ่ตระการตา

การแสดงอุปรากรจีนที่ผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

ระบบแสงสีเสียงที่สร้างภาพได้น่าประทับใจ

ในฉากที่เศร้าก็เรียกน้ำตาคนได้ดีทีเดียว

นักแสดงร่วมกว่าร้อยคน


2. ภูเขาเฉาซาน อำเภอหวงเสี้ยน ที่ภูเขาเฉาซานนั้นมีวัดเฉาซานที่มีอายุกว่า 1,200ปี เป็นวัดที่เป็นต้นกำเนิดของนิกายเฉาดองซึ่งเป็น 1ใน5 ของศาสนาพุทธนิกายเซนในประเทศจีน ที่วัดเฉาซานแห่งนี้ปัจจุบันก็ยังคงสภาพดีอยู่และยังคงมีนักบวชปฏิบัติธรรมเหมือนเช่นที่มีมาแต่โบราณ ส่วนด้านนอกวัดเป็นสถานที่ขายสินค้าพื้นเมืองที่น่าสนใจโดยเฉพาะ งานศิลปะ และขนมพื้นเมืองต่างๆ

บริเวณด้านหน้าเป็นที่ขายของพื้นเมือง



ความสวยงามของวัดเฉาซาน


ก่อนกลับนักบวชสวดให้พวกเราเดินทางกลับอย่างปลอดภัย

3. ภูเขามากู ภูเขามากูเป็นอีกที่หนึ่งที่มีทิวทัศน์งดงามและมีความสำคัญต่อลัทธิเต๋าเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อปี ค.ศ.739 นักบวชลัทธิเต๋าคนสำคัญได้เสียชีวิตและถูกฝังในสุสานบนยอดเขาแห่งนี้ มีวัดของลัทธิเต๋าขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านบนยอดเขา ที่กำแพงมีหินสลักกวีซึ่งมีเนื้อหาสอนธรรมะของลัทธิเต๋าอยู่ตลอดทาง

บรรยากาศอันแสนสบายที่เชิงเขามากู


เก๋งจีนกลางทะเลสาบอันสวยงาม


อีกทั้งยังเป็นแหล่งวัฒนธรรมจีนโบราณ ท่ามกลางทุ่งหญ้า ดอกไม้ ลำธารและน้ำตกที่สวยงาม ด้วยความงามของภูเขาและบรรยากาศอันบริสุทธิ์แห่งนี้ ทำให้บุคคลสำคัญในอดีตต้องมาเยือน เช่น Deng Ziyang พระสงฆ์ในลัทธิเต๋า Xie Lingyun กวีเอกของจีน Yan Zhenqing ข้าราชการสมัยราชวงศ์ถังที่มีคนยกย่องมากที่สุด และ Zenggong หนึ่งในแปดกวีในสมัยราชวงศ์ถังก็เคยเข้าเรียนใน ภูเขามากูแห่งนี้

ตลอดเส้นทางเดินเต็มไปด้วยดอกไม้

นอกจากทิวทัศน์อันงดงามแล้วยังเป็นแหล่งผลิตเหล้ามากูชั้นดีอีกด้วย ซึ่งเหล้ามากูมีหลายรสชาติทั้งที่หมักจากสมุนไพร และทำจากข้าวชั้นดี โดยเฉพาะน้ำที่นำมาทำเหล้านั้นเป็นน้ำจากภูเขามากูซึ่งมีความบริสุทธิ์มาก อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตชามากูรสชาดเยี่ยม รวมถึงยาสมุนไพรชนิดต่างๆอีกด้วย

ร้านเหล้ามากูอันเลื่องชื่อ

สมุนไพรจากภูเขามากูมีชื่อเสียงมาช้านาน

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งขุนเขาที่สดชื่นนี้ ได้จัดให้มีการแสดงพื้นเมืองให้นักท่องเที่ยวได้รับชมกลางสายหมอกทำให้รู้สึกเพลิดเพลินเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์

การแสดงอันงดงามท่ามกลางสายหมอก





4. เมืองซิซี เมืองซิซีเป็นแหล่งผลิตขนมปังของจีน เริ่มต้นด้วยการตั้งโรงงานผลิตขนมปังเมื่อปี ค.ศ. 1980 จนทุกวันนี้ได้พัฒนาเป็นแหล่งผลิตขนมปังอันดับ 1 ใน 4 ของจีน ครั้งนี้เราได้มาร่วมงานเทศกาลขนมปังเมืองซิซีครั้งที่3 ในงานนี้มีไฮไลท์คือการทำเค้กที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวถึง 3,188เมตร ใช้คนทำถึง 210คน และได้ถูกบันทึกลงในกินเนสบุ๊กเป็นที่เรียบร้อยโดยทำลายสถิติเดิมไปถึง 170เมตร เค้กเนื้อนิ่มหน้าผลไม้นี้มีชื่อว่า “มังกรจีน”

เค้กมังกรจีนยาวถึง 3,188เมตร

หลังจากเปิดตัวและบันทึกสถิติเป็นที่เรียบร้อย มังกรจีนก็ได้ถูกแบ่งให้ชาวเมืองซิซีได้ลิ้มลองกันอย่างทั่วหน้า เห็นความสุขได้จากใบหน้าที่เปื้อนเค้กของผู้คนไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ จนถึงคนชรา สิ่งที่ผมประทับใจสำหรับเมืองนี้ก็คือความสุขที่ชาวเมืองได้รับจากรัฐบาลที่เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง เพราะรอยยิ้มของชาวเมืองคือประจักษ์พยานที่แสดงว่าผู้ปกครองได้ให้อะไรพวกเขาบ้าง


ประชาชนมาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม


ความสุขที่ประชาชนได้รับกลับคืนจากรัฐบาล


5. ภูเขาซานชิงซาน เทือกเขาที่ได้รับสมญานามว่า "เขาสวรรค์แห่งแรกในพิภพ" เป็นยอดเขาที่ติดอันดับหนึ่งในห้ายอดที่สวยที่สุดในประเทศจีน และอุทยานธรณีวิทยาแห่งนี้ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2551 นับเป็นมรดกโลกลำดับที่ 37 ของประเทศจีน ที่ยอดเขาหยู่จิงมีความสูง 1,817 เมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 229 ตารางกิโลเมตร บนเทือกเขาซานชิงซาน มียอดเขาสูง 3 ยอด ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อี้จิง อี้สี และอี้หัว สภาพโดยทั่วไปเป็นยอดเขาหินแกรนิตที่มีความสลับซับซ้อนหลากหลายรูปแบบตามแต่จะจินตนาการ ภูมิประเทศโดยรวมสวยงามเหมือนในภาพวาด และที่สำคัญที่นี่เป็นที่กำเนิดแห่งลัทธิเต๋ากว่า 1,600ปี ซึ่งชาวจีนนับถือกันมาก มีวัดและสุสานของลัทธิเต๋าบนยอดเขา จนที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจีน 

การเดินทางท่องเที่ยวจะขึ้นเขาด้วยรถกระเช้ารุ่นใหม่ซึ่งมีความเร็วและความปลอดภัยเป็นเยี่ยม เมื่อมาถึงยอดเขาที่ความสูง 1,600 เมตรจากน้ำทะเล ก็จะพบทางเดินที่ปลอดภัยเป็นคอนกรีตมั่นคงแข็งแรงลัดเลาะไปตามหน้าผาอันสูงชันซึ่งจะเห็นทิวทัศน์อันงดงามตลอดทาง

บริเวณทางขึ้นภูเขาซานชิงซาน

รถกระเช้าที่ทันสมัยสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย

ธรรมชาติของที่นี่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูฝนที่สายหมอกจางๆผ่านเข้ามาปะทะกับขุนเขาสำหรับนักถ่ายภาพแล้วท่านจะได้ภาพที่เสมือนภาพวาดของศิลปินจีนเลยทีเดียว ซึ่งในแต่ละฤดูกาลก็จะได้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน สำหรับคนที่รักธรรมชาติแล้วที่นี่เต็มไปด้วยดอกไม้เมืองหนาวนับพันชนิด ต้นสนขนาดใหญ่ ต้นไม้โบราณซึ่งบางต้นอาจมีอายุถึง 500ปี นกและแมลงนานาชนิด และเมื่อเดินตลอดเส้นทางจะพบว่าที่นี่คือต้นกำเนิดน้ำอันบริสุทธิ์ซึ่งจะพบน้ำตกขนาดเล็กได้ตลอดทาง แหล่งน้ำเล็กๆเหล่านี้จะไหลลงไปรวมกันสู่สายน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่างหล่อเลี้ยงชาวเมืองซ่างหราว มณฑลเจียงซี

ทางเดินกลางสายหมอกที่พาให้พบกับอากาศบริสุทธิ์




6. เมืองอู้หยวน ( Wuyuan County )เป็น1ใน6เมืองโบราณเมืองโบราณที่เก่าแก่นับพันปี อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลเจียงซี ที่นี่ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมเอาไว้ มีวัดโบราณถึง 113 แห่ง หมู่ตึกโบราณ 28แห่ง และชุมชนโบราณอีก 36แห่ง

วัดโบราณนับพันปีที่ยังคงอยู่


อู้หยวนได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศจีน จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะบรรยากาศหมู่บ้านดั้งเดิมบนยอดเขา ผู้คนมีอัธยาศัยไมตรีดี ร้านค้าและสินค้าพื้นเมืองมากมาย อู้หยวนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของหนังสือและชาชั้นดี ที่ขึ้นชื่อคือชาอู้หยวน ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ แท่นหินใส่หมึกสำหรับเขียนหนังสือที่แกะสลักอย่างสวยงาม นอกจากนั้นยังมีสินค้าพื้นเมืองและร้านอาหาร น้ำชา กาแฟ และเหล้าจีนรสชาติน่าลิ้มลอง

สถาปัตยกรรมโบราณที่ยังมีชีวิต

บรรยากาศสบายๆของเมืองเล็กๆที่ดูเป็นกันเอง


สินค้าพื้นเมืองขึ้นชื่อ เช่น ชา ผลิตภัณฑ์จากไม้ หนังสือ และแท่นหมึก

ชาวอู้หยวนผลิตเหล้าเองด้วยวิธีดั้งเดิม

การเดินทางขึ้นเขาก็สะดวกสบายด้วยรถกระเช้าทำให้ถึงที่หมายได้ในไม่กี่อึดใจ ส่วนทิวทัศน์เบื้องล่างก็จะเห็นชาวบ้านปลูกต้น rapeseed สำหรับนำเมล็ดมาสกัดเป็นน้ำมันใช้ทำอาหารโดยใช้กรรมวิธีดั้งเดิม ในฤดูใบไม้ร่วงหมู่บ้านหวงหลิ่งในเมืองอู้หยวนจะเต็มไปด้วยทะเลดอก rapeseed สีเหลืองในไร่นาแบบขั้นบันไดที่สวยงามหลายไมล์ จนติดอันดับ 1 ใน 10 ทุ่งดอกไม้ที่สวยที่สุดในโลก


7. เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น มีคำกล่าวว่า “บางเหมือนกระดาษ ขาวเหมือนหยก สว่างเหมือนกระจก และเสียงเหมือนระฆัง นี่คือคำจำกัดความของเครื่องเคลือบดินเผาแห่งเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น

ที่นี่เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น และมีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเครื่องเคลือบดินเผาของโลกมีการส่งออกไปยุโรปทางเส้นทางสายไหมตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 จนกลายเป็นของสะสมอันล้ำค่าของคนทั่วโลก

ต้องใช้ความชำนาญนับสิบปีกว่าจะผลิตงานได้อย่างลงตัว ช่างฝีมือแต่ละคนจะทำงานเฉพาะที่ตนเชี่ยวชาญ


และที่น่าพิศวงมากไปกว่านั้นคือเสียงของเครื่องเคลือบดินเผาที่นี่เมื่อดีดนิ้วลงไปเสียงจะดังกังวานใส ส่วนชามเคลือบดินเผาเมื่อใช้นิ้วลูบเป็นวงที่ขอบชามจะเกิดเสียงหวานกังวานใสอย่างบอกไม่ถูก
สำหรับเตาเผาเครื่องเคลือบดินเผาที่ใช้อยู่ในขณะนี้มีอายุกว่า 300ปี ซึ่งในการเผาแต่ละครั้งสามารถเผาเครื่องเคลือบดินเผาได้กว่า 2,500ชิ้น โดยใช้ความร้อนนับพันองศา

ทุกวันนี้ศาสตร์งานศิลปะเครื่องเคลือบดินเผาได้ตกทอดมาสู่คนรุ่นหลัง ชาว เมืองจิ่งเต๋อเจิ้นจึงมีความภูมิใจที่ได้ผลิตและจำหน่ายเครื่องเคลือบดินเผาอันเป็นศิลปะที่สวยงามนี้สู่โลกภายนอก ซึ่งตั้งแต่โบราณมาชาวต่างชาติรู้จักประเทศจีนก็ด้วยเครื่องเคลือบดินเผาจาก เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น นั่นเอง



นอกจากนี้เมืองเจียงซีกำลังเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆขึ้นอีก เช่นสุสานโบราณขนาดใหญ่ที่ค้นพบใหม่ ซึ่งขณะนี้กำลังตั้งศูนย์ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมเร็วๆนี้