ตร.เมืองจันท์เจ๋ง! ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไทย

2018-04-29 16:00:37

ตร.เมืองจันท์เจ๋ง! ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไทย

Advertisement

ตร.โชว์ฟอร์มเยี่ยม ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย ที่ก่อเหตุในพื้นที่ สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี



ตามนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนทั่วไปและมีผู้หลงเชื่อจนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดตั้ง “ศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ช ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็น ผอ.ศูนย์ฯ และให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ควบคุม กำกับชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ






กระทั่งเมื่อวันที่ 25 เม.ย.61 ศูนย์ปฏิบัติการ ฉปทน.ตร. ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนสภ.ท่าใหม่ จว.จันทบุรี ว่ามีผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์หลอกลวง อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน นำหมายเลขบัญชีธนาคารออมสินของผู้เสียหายไปเปิดใช้ จากนั้นให้ผู้เสียหายไปถอนเงินสดและโอนเข้าบัญชีของผู้ต้องหา จำนวน 62,000 บาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย



ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกัน โดยมีนายธีระศักดิ์ นครแก้ว และนายนิกร แฟนภูเขียว เป็นคนร้ายที่โทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหาย ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ โดยมีนางสาวสุกัญญา มณีศิริรัตน์ ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีผู้รับโอนบัญชีสุดท้าย ไปถอนเงินของผู้เสียหายออกมา จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ต่อมาสืบทราบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี, ลพบุรี และสุราษฎร์ธานี จึงออกตรวจสอบ



จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 เม.ย.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศป.ฉปทน.ตร. ได้ทำการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดได้ จำนวน 4 คน รายละเอียดดังนี้



1. นายธีระศักดิ์ นครแก้ว อายุ 35 ปี 2. นายนิกร แฟนภูเขียว อายุ 34 ปี 3. นางสาวสุกัญญา มณีศิริรัตน์ อายุ 26 ปี 4. นางอรพิมพ์ คำไล้ อายุ 58 ปี พร้อมทั้งตรวจยึดสิ่งของที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน 3 รายการ ดังนี้ 1. สมุดบัญชีธนาคาร 7 เล่ม 2. บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ 3. โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง

โดยมีพฤติการณ์ กล่าวคือ กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้ค้นหาข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยสุ่มหาเหยื่อจนทราบข้อมูลที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ และได้ใช้โทรศัพท์มือถือโทรไปหลอกลวงอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแบ่งหน้าที่กันทำเป็นคอลเซ็นเตอร์สาย 1 ,2 และ 3 จนเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา และมีการถ่ายโอนเงินผ่านระบบบัญชีธนาคาร เพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน ทำให้ยากต่อการสืบสวนจับกุม



ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในคดีคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศ ช่วงประมาณ พ.ศ.2555 หลังจากที่ถูกจับกุมและพ้นโทษออกมา ได้กลับมาร่วมกันกระทำความผิดอีก โดยมีลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยใช้หมายโทรศัพท์มือถือปกติ โดยจดทะเบียนเป็นชื่อบุคคลอื่น และใช้การโอนเงินภายในกลุ่มบัญชีของผู้ต้องหาที่ร่วมกันกระทำความผิด





เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนและสามารถจับกุมผู้ต้องหากลุ่มผู้เปิดบัญชีและกลุ่มผู้ถอนเงินได้ครบทั้งขบวนการของกลุ่มผู้กระทำความผิด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จว.จันทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป