งานวิจัยเผย คนที่มีน้ำหนักปกติแต่มีรอบเอวที่กว้าง มีภาวะเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าคนที่เป็นโรคอ้วน
ภาพ FRED DUFOUR / AFP
งานวิจัยจากมาโยคลินิกในรัฐมินเนสโซต้าของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การกระจายตัวของไขมันในร่างกายสามารถบ่งชี้ถึงภาวะเสี่ยงต่อโรคต่างๆได้ โดยแม้ว่าคนคนนั้นจะไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นคนน้ำหนักเกินตามดัชนีมวลกายหรือ บีเอ็มไอ แต่หากมีหุ่นทรง “แอปเปิล” ซึ่งมีรอบเอวกว้างกว่ารอบสะโพก ก็จะมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่าคนที่มีรูปร่างลักษณะอื่น
โจเซ่ เมดินา อโนโจซ่า ผู้นำทีมวิจัยกล่าวว่า ไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่รอบๆช่วงเอวเรียกว่า “ความอ้วนส่วนกลาง” ทั้งนี้การให้คำแนะนำด้านสุขภาพในปัจจุบัน ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการวัดความอ้วนส่วนกลางในกลุ่มคนที่มีน้ำหนักปกติ เนื่องจากยังไม่มีการตระหนักถึงความเสี่ยง
งานวิจัยดังกล่าวศึกษาผู้เข้าร่วม 1,692 คนจากรัฐมินเนสโซต้าซึ่งได้รับการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง รอบเอว และรอบสะโพกในปี 2540 จนถึง 2543 และถูกเฝ้าสังเกตจนถึงปี 2559 เพื่อตรวจหาภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจล้มเหลว หรือเส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน โดยผลการวิจัยพบว่า ผู้เข้าร่วมการวิจัยที่มีค่าบีเอ็มไอปกติแต่ว่ามีความอ้วนส่วนกลางมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าผู้ที่มีหุ่นแบบลูกแพร์หรือผู้ที่มีน้ำหนักเกินถึงสองเท่า ซึ่งสรุปได้ว่า คนที่มีค่าบีเอ็มไอปกติที่ 18.5 ถึง 24.9 ไม่ควรถูกประเมินว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงต่ำต่อการเป็นโรคหัวใจ
ทั้งนี้ นักวิจัยกล่าวว่า “หากคุณมีไขมันรอบพุงใหญ่กว่ารอบสะโพกของคุณ คุณควรเดินทางไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจรวมถึงการกระจายตัวของไขมันสะสมในร่างกายของคุณด้วย และถ้าคุณมีไขมันรอบพุงใหญ่กว่ารอบสะโพก ควรเน้นการลดเอว มากกว่าการลดน้ำหนัก”