ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในปัจจุบันที่นิยมรักษาสุขภาพและต้องการดื่มเครื่องดื่มสุราที่มีปริมาณแอลกอฮอลล์ต่ำ กลายเป็นความท้าทายใหม่ของกลุ่มธุรกิจสก็อตวิสกี้ที่สืบสานวัฒนธรรมการผลิตวิสกี้มาหลายร้อยปี
ความท้าทายดังกล่าวอาจทำให้บางบริษัทเริ่มหาทางปรับตัว โดยก่อนหน้านี้ ข้อมูลลับสุดยอดของผู้ผลิตจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ ที่หลุดไปอยู่ในมือนิตยสารวอลสตรีท ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการ โดยข้อมูลลับนั้นระบุว่าบริษัทกำลังคิดค้นเครื่องดื่มวิสกี้ที่เติมรสชาติ และลดปริมาณแอลกอฮอลล์ให้ต่ำลง รวมถึงการดัดแปลงวิธีการหมักเหล้าวิสกี้ในถังเตกีล่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้สวนทางกับข้อกำหนดของกฎหมายอังกฤษที่ระบุว่าสก็อตวิสกี้จะต้องมีปริมาณแอลกอฮอลล์ 40 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างต่ำ ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตไม่สามารถผลิตเครื่องดื่มวิสกี้แอลกอฮอล์ต่ำมาสนองความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ที่คำนึงถึงสุขภาพได้ และอาจสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันในตลาดตะวันออกกลางที่มีเหล้าสก็อตแอลกอฮอลล์ต่ำจำหน่าย นอกจากนี้กฎหมายยังเข้มงวดเรื่องการใช้วัตถุดิบให้จำกัดอยู่ที่บาร์เล่ย์ น้ำ และยีส และต้องหมักในถังโอ๊ค ซึ่งหมายความว่าการเติมรสชาติสตรอเบอร์รี่ลงไปในสก็อตวิสกี้ หรือการหมักในถังเตกีล่าอาจทำให้สมาพันธ์สก็อตวิสกี้ หรือ เอสดับเบิลยูเอ ไม่พอใจนัก
การใช้ชอคโกแลตมอลต์เป็นส่วนประกอบในการผลิตเหล้าสก็อตยังคงเป็นข้อถกเถียง โดยเกล็นมอแรงจ โรงกลั่นสัญชาติฝรั่งเศสได้ผลิตสก็อตวิสกี้แบบ ซิงเกิ้ลมอลต์ โดยใช้ชอคโกแลตมอลต์เป็นส่วนประกอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อเอเดน มิล โรงกลั่นในเมืองเซนต์แอนดรูว สก็อตแลนด์ ต้องการใช้ช็อคโกแลตมอลต์เป็นส่วนผสมบ้าง กลับถูกเตือนโดยเอสดับเบิลยูเอว่าให้หยุดความคิดที่จะดัดแปลงรสชาติดั้งเดิมของสก็อตวิสกี้เสีย
ทั้งนี้โฆษกของเอสดับเบิลยูเอกล่าวว่า เจ้าของโรงกลั่นไม่ควรทำให้ลูกค้าเกิดความสับสนและไม่ควรขายสินค้าโดยบอกว่านี่คือสก็อตวิสกี้ หากว่ามันไม่ใช่สก็อตวิสกี้จริงๆ โดยหากอยากเติมรสชาติเข้าไปก็ย่อมทำได้ แต่ไม่ควรกล่าวว่านี่คือสก็อตวิสกี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงเป็นข้อถกเถียงของนักดื่มชาวสก็อตว่าสก็อตวิสกี้ควรรักษารูปแบบเดิมหรือควรเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการในยุคต่างๆ โดยนักดื่มบางคนบอกว่าพวกเขาต้องการทดลองอะไรใหม่ๆ และเปิดกว้างสำหรับสก็อตวิสกี้ในทุกแบบ
แล้วคุณล่ะ ต้องการเครื่องดื่มสก็อตวิสกี้แบบไหน
ภาพ ANDY BUCHANAN / AFP