โฆษก สธ. เผย "สมศักดิ์" ปลื้ม "30 บาทรักษาทุกที่" ครองใจประชาชนสูงสุุด

2024-06-04 09:51:40

โฆษก สธ. เผย "สมศักดิ์" ปลื้ม "30 บาทรักษาทุกที่" ครองใจประชาชนสูงสุุด

Advertisement

โฆษก สธ. เผย "สมศักดิ์" ปลื้มหลังผลสำรวจ "30 บาทรักษาทุกที่"  เป็นนโยบายที่ครองใจประชาชนสูงสุุด คาดสิ้นปี ปชช.ได้ใช้สิทธิ์ทั้งประเทศไม่ต้องมีใบส่งตัว

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.67  น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง  เปิดเผยว่า หลังจาก นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและ ดร.ปิยนุช วุฒิสอน  ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติแถลงข่าวผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนครบ 6 เดือน ต่อการบริหารงานของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปี  2567 พบ นโยบาย มาตรการ โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เป็นนโยบายที่ประชาชนมีความพึงพอใจมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 68.4 เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง และเมื่อมาเป็นรัฐบาลนายเศรษฐา สั่งทำทันที ตั้งแต่สมัยที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข เป็นการต่อยอดจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่เคยประสบความสำเร็จสมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมตรีเมื่อปี 2544 - 2548 มาถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มารับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุขต่อยอดทันที

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า เป็นความภาคภูมิใจของรัฐบาลและคนในกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ทั้ง นพ.โอภาส การย์วินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสธ.ผู้รับผิดชอบดูแลโครงการ ผู้บริหารถึงผู้ปฏิบัติ บุคลากรทุกภาคส่วนของกระทรวงสาธารณสุขทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งภาคเอกชน รู้สึกยินดีและปลื้มใจมากที่นโยบายนี้ประสบความสำเร็จ ความดีทั้งหลายอันนำมาซึ่งความพอใจของประชาชน และ ประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ รวมถึง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดส่งยาไปถึงบ้านผู้ป่วยที่อยู่ในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนประทับใจ ชื่นชอบการให้บริการเพราะประหยัดเวลา สะดวก

น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ สังกัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นสถาบันที่รวบรวมข้อมูลทางสถิติได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยเก็บรวบรวมจากประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ตัวอย่างจากทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 6,970 ระหว่างวันที่ 22 เม.ย.- 15 พ.ค.67 สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนได้รับประโชน์อย่างแท้จริง นโยบายนี้เพิ่งเริ่มระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 7 ม.ค.67 นำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรีและนราธิวาส ระยะที่ 2 เริ่มเมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 นำร่อง 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญและพังงา และระยะที่ 3 ในเดือนพฤษภาคม เพิ่มเป็น 6 เขตสุขภาพ อีก 33 จังหวัดทั้งภาคเหนือตอนบนตอนล่างในเขตสุขภาพที่ 1,3,4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเขตสุขภาพที่ 8,9 และภาคใต้ตอนล่างที่เขตสุขภาพที่ 12 จากนั้นระยะที่ 4 จะขยายครอบคลุมทั้งประเทศภายในปี 2567 อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการเริ่มนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติเป็นระยะเพื่อนำร่อง ยังไม่ครบทั้ง 76 จังหวัด แต่ด้วยความทุ่มเท เอาจริงเอาจังของคนในกระทรวงสาธารณสุข การสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างการรับรู้อย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันประชาชนที่ได้รับผลจากการปฏิบัติได้พูดต่อๆกัน ทำให้ผลการสำรวจความคิดเห็นออกมาเช่นนี้ จึงเป็นกำลังใจให้นายสมศักดิ์และผู้เกี่ยวข้องจะพยายามปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์ในการดูแลรักษาโรคภัยไข้เจ็บเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนให้ดียิ่งๆขึ้น ขอให้ประชาชนมั่นใจในรัฐบาลที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุขยุคใหม่ภายใต้การนำของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ การที่ประชาชนมีสุขภาพที่ดีถ้วนหน้าอย่างเท่าเทียมกัน