"หมอเอกภพ"ไม่เห็นด้วย "สมศักดิ์" นำกลุ่มต่อต้านกัญชามาเคลมตัวเลข

2024-06-03 12:33:17

"หมอเอกภพ"ไม่เห็นด้วย "สมศักดิ์" นำกลุ่มต่อต้านกัญชามาเคลมตัวเลข

Advertisement

"หมอเอกภพ"ไม่เห็นด้วย "สมศักดิ์" นำกลุ่มต่อต้านกัญชามาเคลมตัวเลขทั้งที่ไม่ใช่มติของสมาชิก เตือน รมว.สธ. เคยเป็นคณะกรรมการป.ป.ส.สั่งให้ปลดล็อกกับมือ 2 ปี ข้อมูลทางวิชาการยังไม่เปลี่ยน  

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 นพ.เอกภพ เพียรวิเศษ อดีตคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย แสดงความไม่เห็นด้วยกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รมว.สาธารณสุข  จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า ต้องรับฟังความคิดเห็นรอบด้านไม่ใช่เอาคนใดคนหนึ่งของราชวิทยาลัยที่ไม่ใช่มติสภาวิชาชีพมากล่าวหาว่ากัญชาควรเป็นยาเสพติด ขอย้อนกลับไปที่การปลดล็อกกัญชาตอนนั้นท่านสมศักดิ์ในฐานะของรัฐมนตรียุติธรรมแล้วก็อยู่ในคณะกรรมการ ป.ป.ส.เขาเรียกเอาข้อมูลไปรับฟังหลายด้านแล้วก็สรุปมาว่า ให้กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ เพราะฉะนั้นตอนนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ออกประกาศโดยลําพัง ออกมาตามมติของ ป.ป.ส. แล้ว ป.ป.ส. มีท่านสมศักดิ์ ก็อยู่ตรงนั้นด้วย แค่ปีสองปี ข้อมูลทางวิชาการงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวกับกัญชาก็ไม่ได้เปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนไปจนถึงขนาดที่ทําให้กลับมาเป็นยาเสพติดเนี่ยประเทศอื่นเค้าก็คงไม่ทําแล้วอย่างเช่นประเทศเยอรมันก็ปลดล็อกกัญชา ประธานาธิบดี โจไบเดน ประเทศสหรัฐอเมริกา เนี่ยก็ประกาศว่าจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายกัญชา ญี่ปุ่นประเทศที่รักสุขภาพมาเส้นทางนี้ นี่คือที่มาที่ไปของกัญชา สิ่งที่ผมประหลาดใจก็คือมีกลุ่มคนมาจากกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ มีกลุ่มราชวิทยาลัย แล้วก็มีสมาชิกของชมรมของกลุ่มนี้ประมาณ 50,000 คนคือหลายราชวิทยาลัยมารวมกันผมก็เลยตกใจว่า คนที่ไปหาท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ อย่างแรกคือตอนที่ผมเป็นกรรมาธิการสาธารณสุข เคยมีประเด็นเรื่องของข้อเสนอของราชวิทยาลัยแล้วถามในที่ประชุมว่า เวลาราชวิทยาลัย ทำเอกสาร ทําหนังสือแล้วมีประธานราชวิทยาลัยเซ็นอะไรอย่างนี้ หรือว่ามีตัวแทนแสดงความเห็นนั้นเป็นความเห็นที่เป็นมติของราชวิทยาลัยหรือไม่

เมื่อย้อนกลับไปดูผมเข้าใจว่ายังไม่มีมติของราชวิทยาลัยหรือว่าของสภาวิชาชีพใดๆ ลงความเห็นว่าให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด อาจจะมีความเห็นในเชิงส่วนตัว ประธานราชวิทยาลัยจะไม่เห็นด้วยบ้างแต่ในภาพรวมอย่างเช่นผมคนหนึ่งเป็นสมาชิกแพทยสภาไปชี้แจงในนามส่วนตัว เพราะฉะนั้นจะอ้างจํานวนหรือตัวเลขของสมาชิกราชวิทยาลัย สมาชิกสภาวิชาชีพทั้งหมดไปบอกว่าทั้งหมดเนี่ยสภาวิชาชีพหรือว่าราชวิทลัยทั้งหมด ไม่เห็นด้วยกับกัญชา ผมว่านี่เป็นข้อสรุปที่ไม่ควรทํา เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่น่าจะทํารัฐมนตรีควรเปิดรับฟังข้อมูลความคิดเห็นทุกฝ่าย รัฐมนตรีช่วยกลับไปดูข้อมูลในวันที่เราตัดสินใจกันว่ากัญชาปลดออกจากการเป็นยาเสพติดคณะกรรมการป.ป.ส.ในวันนั้น มีมติว่าให้กระทรวงสาธารณสุขไปทําประกาศมีข้อมูลสนับสนุนอยู่ชัดเจน ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ต้องบอกเหตุผลว่า วันนั้นทําไมท่านถึงยอม แล้ววันนี้ทําไมท่านถึงมาเปลี่ยนจุดยืน แล้วก็ข้อมูลทางวิชาการ อย่างที่ตั้งข้อสังเกตกันคือการที่เอากลุ่มต่อต้านกัญชา แล้วก็ใช้สภาวิชาชีพหรือว่าใช้ราชวิทยาลัยเป็นข้ออ้างเป็นตัวประกันว่า เห็นไหมเรามีนักวิชาการสนับสนุนเนี่ย อันนี้ผมคิดว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุป

สิ่งที่ท่านควรให้ความสนใจมันไม่ใช่เรื่องของกัญชาที่จะเร่งทํางานตอนนี้ครับ สิ่งที่มันต้องเร่งทําคือเรื่องของการการปรับปรุงระบบสาธารณสุขครั้งใหญ่ เพราะว่าเรื่องของ 30 บาทรักษาทุกที่ กับเรื่องของการถ่ายโอน รพ.สต.ไปอยู่ในสังกัดท้องถิ่นมันยังติดขัดปัญหาอยู่ แล้วก็จากการดูข้อมูลแล้วผมคิดว่าน่าเป็นห่วงตรงที่ 30 บาทรักษาทุกที่ จะเป็นการดึงงบประมาณทรัพยากรที่โรงพยาบาลพึงจะได้รับ ไปเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายครับแล้วรพ.สต.ที่ถ่ายโอนไป ก็ยังติดขัดหลายเรื่องอย่างเช่น ถ้าเป็นเกี่ยวกับเกี่ยวกับกระทรวงสาธารณสุขก็มีเรื่องของการโอนบุคลากรกับโอนอาคารสถานที่ใหญ่ยังไม่เรียบร้อยเลย เรื่องด่วนที่สุดทําไมเร่งทําเรื่องที่เรื่องที่มีปัญหากับพี่น้องประชาชนเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตสุขภาพของพี่น้องประชาชนเรื่องที่พัฒนาระบบสาธารณสุขไปดีกว่าเรื่องของกัญชา ถ้ามันไม่มีข้อมูลวิชาการเปลี่ยนแปลงก็ปล่อยมันไปแล้วก็สนับสนุนเรื่องของการมี พ.ร.บ.กัญชา ดีกว่า