"อัครเดช"เผยอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมลาออกอาจเกิดจากแรงกดดันจากความคาดหวังของสังคม
เมื่อวันที่ 2 พ.ค.67 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสากรรม แจ้งลาออกในที่ประชุม กมธ. ว่า เรื่องนี้ไม่ควรพูดว่าท่านจุลพงษ์ มาประกาศลาออกในที่ประชุม กมธ. แต่เนื่องจากในที่ประชุมมีการพูดคุยถึงปัญหาในการสอบหาข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันตนในฐานะประธาน กมธ. ก็จะต้องมีการขอเอกสาร ขอความร่วมมือในการดำเนินการ รวมถึงต้องมีการสั่งด้วยเอกสาร เพื่อการประชุมครั้งหน้าในเรื่องการติดตามผล โดยขอให้ท่านอธิบดีกรมโรงงานต้องเตรียมข้อมูลอะไรมาชี้แจงเพิ่มเติมบ้าง ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้ โรงงานใน จ.ระยอง และกรณีการขนย้ายกากแคดเมียม ตามข้อแนะนำของประธานและข้อท้วงติงของ กมธ. พอเสร็จการหารือ และเป็นช่วงท้ายของการสรุปประชุม ท่านจุลพงษ์ เหมือนจะแจ้งให้ผมทราบว่าสิ่งที่ผมขอท่านไปนั้น ในการประชุมครั้งหน้าท่านไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมแล้ว และไม่สามารถมาแจ้งข้อมูลผม หรือไม่สามารถมาทำหน้าที่ให้ผม ตามที่ผมขอไปในฐานะประธาน กมธ. ได้แล้ว เพราะท่านได้ลาออกจากอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผมเองตอนนั้นอยู่ในห้องประชุมก็ตกใจ ว่าท่านได้ลาออก เพราะตลอดระยะเวลาในการประชุมกับท่านตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง จนถึงช่วงค่ำก็ไม่มีวี่แววว่าท่านจะลาออก
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ตนได้หันสอบถามนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งนั่งอยู่ติดกันกับท่านอธิบดีกรมโรงงานว่าท่านปลัดได้ยับยั้งการลาออกของท่านอธิบดีไหม ท่านบอกว่าท่านก็พึ่งรับทราบเดี๋ยวนี้ และท่านก็ไม่ได้ตอบอะไรมา เพราะท่านปลัดเองก็ยังตกใจอยู่เหมือนกัน ผมเองก็รู้สึกเสียดายในการลาออกของท่านจุลพงษ์ เพราะท่านก็ทำงานร่วมกับผม ในฐานะที่ผมเป็นประธานกรรมาธิการอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาท่านก็ให้ความร่วมมือกับเรามาโดยตลอด และทราบว่าท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องของกรมโรงงานและยังเป็นลูกหม้อ ท่านเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจในการทำงาน และผมก็ได้บอกให้ท่านไปทบทวนใหม่เรื่องลาออกใหม่ ท่านบอกว่าท่านได้ยื่นไปแล้ว ผมก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาดังกล่าวเลยจากปัญหาของกรมโรงงานไปแล้ว เพราะเป็นปัญหาหมักหมมมานานหลายปี ก่อนท่านจะเข้ามารับตำแหน่ง อันนี้คือข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นปัญหาทั้งข้อกฎหมาย ปัญหาเรื่องงบประมาณ รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนั้นการแก้ปัญหานี้ได้ไม่ใช่อยู่ที่อธิบดีกรมโรงงานเพียงกรมเดียวแล้ว ต้องมีการบูรณาการร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน อย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรี ที่ท่านได้สั่งการนั้นถูกต้องแล้ว คือต้องบูรณาการกันหลายหน่วยงาน ซึ่งปัญหาอยู่เหนือระดับอธิบดีมาควบคุม ในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องกากแคดเมียม และเรื่องโรงงานไฟไหม้ ดังนั้นปัญหาจากนี้ไป เราก็จะพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้รวดเร็ว และหาทางป้องกัน โดยต้องแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพราะการแก้กฎหมาย ไม่สามารถแก้ได้ภายในเดือนหรือสองเดือน มันต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และในฐานะที่เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เรามุ่งมั่นแก้กฎหมายให้สำเร็จ เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ”
นายอัครเดช กล่าวว่า การลาออกของนานจุลพงษ์ นั้น ท่านไม่ได้ให้เหตุผลของการลาออกเพราะอะไร แต่เนื่องจากเราก็ทราบแต่เพียงว่า เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกรมโรงงานช่วงนี้เกิดขึ้นเยอะมาก จึงอาจเกิดภาวะแรงกดดัน และทำให้เกิดความคาดหวังจากที่พี่น้องประชาชนและสังคม มาที่ตัวท่านมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ ส่วนจะมีแรงกดดันจากไหนตนไม่ทราบ การลาออกของท่านนั้น เรื่องแรงกดดันมาจากไหน ผมไม่ทราบ แต่อย่างที่ผมบอกว่า มันเป็นการคาดหวังของพี่น้องประชาชน และสังคมว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้นก็ต้องแก้ปัญหาให้รวดเร็ว และแก้ปัญหาให้สำเร็จ จึงอาจจะรับแรงกดดันมาจากหลายส่วน ส่วนการตัดสินใจของท่าน อันนี้ต้องสอบถามท่านอธิบดีโดยตรงอีกครั้งนะดีกว่า