สิ้น "สมณะโพธิรักษ์" ผู้ก่อตั้ง "สำนักสันติอโศก" ด้วยโรคชรา สิริอายุ 89 ปี
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 67 เพจ บุญนิยมทีวี โพสต์ข้อความระบุว่า พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ มรณภาพ ด้วยโรคชรา เวลา 06.40.10 น. วันพฤหัสบดี 11 เม.ย.67
พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ชาตะ วันอังคารที่ 5 มิ.ย.2477 มรณภาพ วันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. 67 สิริอายุ อายุ 89 ปี 10 เดือน 6 วัน อุปสมบท วันที่ 7 พ.ย.2513 รวม 53 พรรษา 5 เดือน 4 วัน
กำหนดการพิธีเคลื่อนสรีรสังขาร
10.00 น. นพ.มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผอ.รพ.สรรพสิทธิประสงค์ และ นพ.พงษ์พัฒน์ พิมพ์สะ แพทย์เจ้าของไข้มากราบขอขมา
10.30 น. เคลื่อนสรีรสังขาร จาก รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ไปยังบวรราชธานีอโศก
11.00 น. ถึงราชธานีอโศก ตั้งขบวนรับจากสะพานโค้งรุ้ง
11.30 น พิธีบรรจุสรีรสังขารพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ลงหีบ โดยท่านสมณะ ณ ใต้เฮือนศูนย์สูญ
ด้านนายไพศาล พืชมงคล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ด่วนมาก พ่อท่านโพธิรักษ์สิ้นบุญแล้วเมื่อเช้านี้ ด้วยอายุ 90 ปี ขอแสดงความไว้อาลัยอย่างสุดซึ้ง ต่อการจากไปของพ่อท่านซึ่งเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวสันติอโศกจำนวนมาก ท่านได้อุทิศตนเองเพื่อประโยชน์และความสุขของผู้อื่นมาตลอดอายุขัยของท่าน ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่รู้จักนับถือกัน พ่อท่านมีเมตตากับผมอย่างยิ่งตลอดมา ในช่วงที่ไวรัสโคบ้าระบาด และได้พบว่าน้ำหมักพลูคาวของสันติอโศก สามารถรักษาโคบ้าได้ ผมได้สั่งซื้อน้ำหมักพลูคาวจากสันติอโศกเป็นจำนวนมากแจกจ่ายฟรีไปทั่วประเทศ ความทราบถึงพ่อท่านท่านก็สั่งลูกศิษย์ว่าอาจารย์ไพศาลจะซื้อไปแจกไม่ได้เอาไปขาย ดังนั้นสันติอโศกต้องร่วมทำบุญกับอาจารย์ไพศาล และสั่งให้ขายน้ำหมักพลูคาวแก่ผมในอัตราครึ่งหนึ่ง คือขวดละ 40 บาท ซึ่งได้ช่วยชีวิตผู้คนไว้เป็นจำนวนมาก จึงขอกราบขอบพระคุณพ่อท่านโพธิรักษ์ไว้ณโอกาสนี้ด้วย
สำหรับประวัติ "สมณะโพธิรักษ์" มีชื่อเดิมว่า "มงคล รักพงษ์" เกิดวันที่ 5 มิ.ย.2477 ที่ จ.ศรีสะเกษ ในวัยเด็กอาศัยอยู่กับมารดาที่ จ.อุบลราชธานี ภายหลังได้เข้ามาศึกษาชั้นมัธยมที่ กทม. เมื่อเรียนจบมัธยมปลายก็ได้เข้าศึกษาต่อ ที่โรงเรียนเพาะช่าง แผนกวิจิตรศิลป์ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "รัก รักพงษ์" ขณะที่กำลังเรียนอยู่ได้เข้าทำงานที่ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เป็นผู้จัดรายการ เป็นรายการเกี่ยวกับเด็ก การศึกษา และวิชาการ นอกจากงานทางสถานีโทรทัศน์แล้ว ก็ยังทำงานเป็น ครูพิเศษ สอนศิลปะตามโรงเรียน นักแต่งเพลง และเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ต่อมาได้หันมาศึกษา พุทธศาสนาและได้อุปสมบทในคณะธรรมยุติกนิกาย ณ วัดอโศการาม เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2513 ได้รับฉายาว่า โพธิรกฺขิโต มีพระราชวรคุณ (สำรอง คุณวุฑฺโฒ) เป็นพระอุปัชฌาย์
2 เม.ย. 2516 พระโพธิรักษ์ ได้เข้ารับการแปรญัตติ เป็นพระของคณะมหานิกายอีกคณะหนึ่ง โดยมิได้สึกจากคณะธรรมยุต ที่วัดหนองกระทุ่ม จ.นครปฐม โดยมีพระครูสถิตวุฒิคุณ เป็นอุปัชฌาย์ เนื่องจากมีพระคณะมหานิกายเข้ามาร่วมศึกษา และปฏิบัติตามพระโพธิรักษ์ แต่พระราชวรคุณ ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ไม่ต้องการ ให้พระฝ่ายมหานิกายเข้ามาศึกษาด้วย
25 เม.ย.2516 พระโพธิรักษ์ได้คืนใบสุทธิให้ฝ่ายธรรมยุต ถือไว้แต่ใบสุทธิ ฝ่ายมหานิกาย อย่างเดียว
6 ส.ค.2518 พระโพธิรักษ์และคณะ ได้ประกาศ นานาสังวาส กับมหาเถรสมาคม (ประกาศลาออกจากมหาเถรสมาคม) และได้รับความคุ้มครอง ตามมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย เนื่องจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่านอกรีต จากการปฏิบัติที่เคร่งครัดของพระโพธิรักษ์และคณะ ได้แก่ ฉันอาหารมังสวิรัติ, ฉันอาหารวันละ 1 มื้อ, ไม่ใช้เงินทอง, นุ่งห่มผ้าย้อมสีกรัก, ไม่มีการเรี่ยไร, ไม่รดน้ำมนต์-พรมน้ำมนต์, ไม่ใช้การบูชา ด้วยธูปเทียน, ไม่มีไสยศาสตร์ฯ
ในภายหลัง พระโพธิรักษ์ และคณะ ได้รับการพิพากษาว่าเป็น ผู้แพ้ ไม่สามารถ เรียกขานตนเองว่า พระ ได้ จึงเรียกตนเองว่า สมณะ แทน และยังคงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม
สมณะโพธิรักษ์ได้ก่อตั้งพรรคพลังธรรม โดยมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นหัวหน้าพรรค ทั้งยังได้มีบทบาททางการเมือง โดยนำพาผู้ปฏิบัติธรรมสันติอโศกเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 รวมถึงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ต่อต้านรัฐบาลทั้งใน พ.ศ.2549 และพ.ศ. 2551 รวมถึงการชุมนุมของ กปปส. ใน พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 ด้วย ในการชุมนุมของ กปปส.น สมณะโพธิรักษ์และผู้ปฏิบัติธรรมสันติอโศกได้ปักหลักชุมนุมที่สวนลุมพินีตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 2556 ร่วมกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ) โดยก่อนหน้านี้ พ.ศ. 2555 ก็ได้เคยเข้าร่วมการชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) มาแล้ว
"สมณะโพธิรักษ์" ได้นำพากลุ่มชาวอโศกสร้าง "ชุมชนบุญนิยม" ตามปรัชญา แห่งศาสนาพุทธ ที่เชื่อมั่นว่า สัมมาทิฏฐิ เป็นแกนสำคัญ ของมนุษย์ และสังคมโดย มีความ เป็นอยู่ อย่างเรียบง่าย พึ่งตนเองได้ สร้างสรร ขยัน อดทน ไม่เอาเปรียบใคร ตั้งใจเสียสละ จนได้รับ การขนานนามว่า ไชุมชนคนพอเพียง"