ประธาน กมธ.ต่างประเทศเสนอ 4 ข้อ ปมผู้อพยพหนีภัยสงครามข้ามแดน

2024-04-08 16:00:49

ประธาน กมธ.ต่างประเทศเสนอ  4 ข้อ ปมผู้อพยพหนีภัยสงครามข้ามแดน

Advertisement

ประธาน กมธ.ต่างประเทศเสนอภาครัฐ 4 ข้อ ปมกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูยึดเมืองเมียวดีตรงข้ามแม่สอดมีผู้อพยพหนีภัยสงครามข้ามแดนบางส่วน

เมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 นายนพดล ปัทมะ  ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  (พท.) ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร  โพสต์ข้อความผ่านเพจ  Noppadon Pattama  ระบุว่า ผมในฐานะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ  สภาผู้แทนราษฎร ขอกล่าวถึงสถานการณ์ ที่กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ได้ยึดเมืองเมียวดี ตรงข้ามแม่สอดและในขณะนี้มีผู้อพยพหนีภัยสงครามข้ามแดนมาแล้วบางส่วนนั้นว่า ในเรื่องนี้ กมธ.ต่างประเทศ ได้เคยมีข้อเสนอแนะถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง 4 ข้อซึ่งยังใช้ได้ทุกข้อ คือ 1) รีบตั้งกลไกติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด 2)มีแผนรองรับผู้อพยพหนีภัยสงครามและผลกระทบการสู้รบในเมียนมา 3) ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้ครอบคลุมทั้งคนเมียนมาและชนกลุ่มน้อยที่ได้รับผลจากการสู้รบ 4) ผลักดันการเจรจาสันติภาพในเมียนมาโดยผ่านกลไกทรอยก้าพลัส ไทยควรเป็นหัวหอกเชิญประธานอาเซียน จีน อินเดีย เข้ามาผลักดันการเจรจาสร้างสันติภาพในเมียนมา ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ตรงเป้าที่สุด และได้จังหวะเวลาที่สุด

ในขณะนี้เหตุการณ์กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆสู้รบกับ ทางรัฐบาลทหารเมียนมานั้นเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงรับทราบมาอย่างต่อเนื่อง แต่มีคำถามว่าเรามีแผนรองรับที่ทันการและครอบคลุมหรือไม่ เนื่องจากการสู้รบน่าจะดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องในฤดูแล้งและจะมีคนหลบหนีภัยสงครามมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น อาจจะมีคนหนีการเกณฑ์ทหารในเมียนมาข้ามแดนเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งถามว่าระบบการตรวจสอบและการขึ้นทะเบียนคนเข้าเมืองทันการและสามารถรองรับได้เพียงใด มิฉะนั้นในอนาคตเราก็จะมีบุคคลที่เข้าเมืองแต่ไม่มีเอกสารเป็นจำนวนมากซึ่งอาจจะกระทบต่อปัญหาความมั่นคงในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ล่าสุดในเมียนมา ตนจึงขอตอกย้ำข้อเสนอ 4 ข้อที่ กมธ.ต่างประเทศ เคยเสนอไปแล้วเพื่อให้ภาครัฐไปดำเนินการ โดยเฉพาะ ข้อ 1) เร่งรัดการมีกลไกระดับชาติจะเป็นในรูปแบบกรรมการหรือมีเจ้าภาพในรูปแบบอื่นเพื่อติดตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในเมียนมาอย่างใกล้ชิดเพื่อมีมาตรการรองรับอย่างเป็นระบบ และข้อ 2) และภาครัฐน่าจะสื่อสารแผนรองรับการอพยพหนีภัยสงครามและหนีการเกณฑ์ทหารว่าน่าจะมีจำนวนเท่าใด เพราะในขณะนี้มีข้อมูลว่ามีชาวเมียนมา ที่เข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ผ่านช่องทางคนเข้าเมืองโดยถูกกฎหมายและซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดต่างๆบ้างแล้วซึ่งเราไม่สามารถทราบได้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ซึ่งจะมีผลกระทบในระยะยาว

ในขณะที่มีผู้หนีภัยสงคราม เราก็ต้องช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าการหลบภัย อาหารอย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าต้นเหตุของปัญหาคือการสู้รบ คิดว่าเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมมากในการที่จะผลักดันกระบวนการสันติภาพในเมียนมาโดยการตั้งทรอยก้าพลัสเพื่อโน้มน้าวทุกฝ่ายในเมียนมาหันหน้ามาพูดคุยกันเพื่อสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในเมียนมาเพราะถ้ามีการสู้รบกันต่อไปคนที่ต้องรับภาระมากที่สุดก็คือประเทศไทยซึ่งเรามีความปรารถนาดี อยากเห็นสันติภาพ เสถียรภาพ และเอกภาพในเมียนมา ดังนั้นไทยควรเป็นหัวหอกหลักในการร่วมมือคุยกับทางประธานอาเซียน จีน อินเดีย และควรดำเนินการทันทีเพราะข้อเสนอในเรื่องนี้นั้นนักวิชาการและผู้สันทัดกรณีเรื่องเมียนมาก็ได้เสนอแนะรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำได้ก็จะปูทางไปสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและตรงจุดที่สุด รวมทั้งจะเพิ่มพูนบทบาทของไทยในเวทีโลกด้วย 

เป็นห่วงสถานการณ์ในเมียนมาครับ อยากเห็น 1)การยุติการสู้รบภายในเมียนมา 2)ผลักดันการเจรจาสันติภาพของทุกฝ่ายในเมียนมา ทั้ง SAC , NUG, กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อย่างจริงจัง 3) รัฐบาลควรมีกลไกติดตามสถานการณ์ในเมียนมาได้แล้ว 4) จัดทำแผนรองรับการหลั่งไหลของผู้หนีภัยสงครามและการเกณฑ์ทหารในเมียนมา ซึ่งเริ่มหลั่งไหลมาจำนวนมาก พรรคเพื่อไทยและผมสนับสนุนการยุติการสู้รบและสันติภาพในเมียนมา ในระหว่างนี้การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต่อทุกฝ่ายต้องทำต่ออย่างไม่ลดละครับ

ขอบคุณเพจ Noppadon Pattama